ภาพเก่า…เล่าตำนาน : ใคร-ทำไม แยกประเทศออกเป็น เกาหลีเหนือ-ใต้ (3) : โดย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

เปิดเผยข้อมูล ทำไมนายพลแมคอาเธอร์ ผู้บัญชาการกองกำลังสหประชาชาติต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง ขณะบัญชาการรบในสงคราม

…ย้อนไป 12 ธันวาคม 2491 สมัชชาใหญ่สหประชาชาติประชุมกันที่กรุงปารีส ลงคะแนน 48:6 รับรองสถานะให้รัฐบาลเกาหลีใต้เป็นรัฐบาลอันชอบธรรมที่จะปกครองประเทศเกาหลี รัฐบาลเกาหลีเหนือเจ็บแค้น ไม่มีทางเลือกเป็นอื่น

18 มิถุนายน 2493 นายคิม อิล ซุง (Kim Il Sung) ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้สั่งระดมสรรพกำลังในเกาหลีเหนือราว 260,000 นาย และประกาศที่จะรวมแผ่นดินเกาหลีเข้าเป็นหนึ่งเดียว

21 มิถุนายน 2493 กองทัพเกาหลีเหนือเคลื่อนกำลังเข้าประชิดเส้นขนานที่ 38 สหรัฐพยายามที่จะเข้าไกล่เกลี่ยระงับสงคราม

Advertisement

25 มิถุนายน 2493 คิม อิล ซุง สั่งกองทัพเกาหลีเหนือที่ห้าวหาญ ฮึกเหิม วินัยเยี่ยมนับหมื่นคน พร้อมด้วยรถถังบุกตะลุยผ่านเส้นขนานที่ 38 เข้าตีที่มั่นตั้งรับของทหารเกาหลีใต้ ยิงถล่ม รุกไล่ทหารเกาหลีใต้แตกกระจุย

30 มิถุนายน 1950 เกาหลีเหนือเข้ายึดกรุงโซล เมืองหลวงเกาหลีใต้ได้ รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องหนีไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นทางตอนใต้ที่เมืองปูซาน (Pusan) พร้อมกับประชาชนนับแสนคนต้องอพยพ

กองทัพเกาหลีเหนือได้ชัยชนะอย่างต่อเนื่อง ตีแตกทุกป้อมค่าย รุกไล่กองทัพเกาหลีใต้แบบไม่ให้ตั้งตัว กองทัพเกาหลีใต้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ

Advertisement

โศกนาฏกรรม พี่น้องต้องฆ่ากันเองเลือดนองแผ่นดิน ที่ขอนำมาเปิดเผย คือ เมื่อทหารเกาหลีเหนือบุกเข้ามายึดกรุงโซล ภารกิจแฝงคือ การสังหารชาวเกาหลีใต้ แบบไม่เลือกหน้านับหมื่นคนอย่างทารุณ และยังจับกุมลักพาตัวนักวิชาการ ผู้มีความรู้ความสามารถชาวเกาหลีใต้ จับตัวส่งไปทำงานให้กับรัฐบาลเกาหลีเหนือ

ในทางกลับกัน ผีซ้ำด้ำพลอยชาวเกาหลีใต้ ดังสุภาษิตไทย ยายมายายด่า ตามาตาตี เมื่อทหารสหประชาชาติยึดกรุงโซลกลับคืนมาได้ นายซิงมัน รี (Syngman Rhee) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยังสั่งให้ทหารตัวเองสอบสวนจับกุมประชาชนชาวเกาหลีใต้ผู้ต้องสงสัยว่า แอบมีใจให้เกาหลีเหนือ แล้วนำชาวเกาหลีใต้ไปสังหารอีกราว 1 แสนคน ซึ่งสหประชาชาติเองก็ไม่พอใจกับวิธีการเช่นนี้ นี่เป็นความบ้าอำนาจของผู้นำที่ทำเพื่อตัวเอง

ราวต้นเดือนตุลาคม 2493 กองทัพสหประชาชาติที่รวมตัวกันได้จาก 16 ประเทศ ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลแมคอาเธอร์สถาปนากำลัง ตั้งหลักได้ เข้าตี และไล่ติดตาม (Hot Pursuit) กองทัพเกาหลีเหนือให้ถอยกลับไปเหนือเส้นขนานที่ 38 และยังติดตามบดขยี้ทหารเกาหลีเหนือเข้าไปในดินแดนของเกาหลีเหนือ

8 ตุลาคม 2493 สหประชาชาติมีมติไฟเขียวให้กองทัพสหประชาชาติรุกข้ามไปในแผ่นดินเกาหลีเหนือได้ ในขณะเดียวกัน ประธานเหมา เจ๋อ ตุง ของจีนได้ออกคำสั่งให้รวบรวมกองทัพประชาชนจีนนับแสนเคลื่อนพลไปยังแม่น้ำยาลู

9 ตุลาคม นายพลแมคอาเธอร์สั่งกองทัพสหประชาชาติรุกข้ามเส้นขนานที่ 38 มุ่งหน้ายึดเมืองเกซอง (Keasong) แล้วเตรียมบุกต่อไปยึดกรุงเปียงยาง (ดูแผนที่)

19 ตุลาคม กองทัพที่ 8 ของสหรัฐยาตราทัพเข้ายึดกรุงเปียงยางได้สำเร็จ ผลักดันทหารเกาหลีเหนือถอยร่นขึ้นไปถึงแม่น้ำยาลู ติดกับพรมแดนจีน

รัฐบาลไทยในขณะนั้น ตอบรับสหประชาชาติจะส่งทหารไปร่วมรบ

22 ตุลาคม 2493 เวลา 1040 น. หมู่เรือ 4 ลำ คือ เรือหลวงประแส เรือหลวงสีชัง เรือหลวงบางปะกง และเรือสินค้า (ที่เช่ามา) นำทหารกรมผสมที่ 21 จำนวน 1,173 นาย เจ้าหน้าที่สภากาชาดไทย 20 คน และทหารเรือ 298 นายออกจากท่าเรือกรุงเทพ เดินทางต่อไปทางแหลมญวน มุ่งหน้าสู่ฟิลิปปินส์ เกิดพายุคลื่นลมแรง การเดินทางช้ากว่ากำหนด ต้องแวะจอดพักรับเสบียงเพิ่มที่เกาะโอกินาวา และเดินทางต่อไปถึงปูซาน ทางตอนใต้ของเกาหลีใน 7 พฤศจิกายน 2493

หน่วยทหารของไทยต้องไปเป็นหน่วยในการบังคับบัญชาของกองทัพที่ 8 ของสหรัฐที่มี พล.ท.วอล์คเกอร์ (Walton H. Walker) เป็นแม่ทัพ

ภารกิจแรกของทหารไทยที่จะเข้าสู่สนามรบ คือ การฝึกใช้อาวุธประจำกาย และอาวุธประจำหน่วยของสหรัฐที่จัดหามาให้ทั้งหมด ทหารไทยฝึกได้เพียง 11 วัน ก็ได้รับคำสั่งด่วนให้เคลื่อนย้ายไปสมรภูมิโหด คือ กรุงเปียงยาง

18 พฤศจิกายน 2493 ทหารไทยขึ้นรถไฟและอีกส่วนขึ้นรถบรรทุกมุ่งหน้าสู่เปียงยาง เมื่อถึงแล้วไปขึ้นสมทบกับกรมผสมส่งทางอากาศที่ 187 ของสหรัฐ อากาศเย็นจัด ติดลบ 12 องศา ทหารไทยยังไม่ได้รับเครื่องกันหนาวและรองเท้าสำหรับทำงานในหิมะ

สาเหตุที่ทหารไทยต้องขยับหน่วยขึ้นไปถึงกรุงเปียงยาง คือ นายพลแมคอาเธอร์ต้องการเผด็จศึกกับเกาหลีเหนือให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดภายในธันวาคม 2493 แล้วจะได้ฉลองคริสต์มาส

ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ว่า 26 พฤศจิกายน 2493 เวลา 19.00 น. ทหารไทยรับมอบพื้นที่สำคัญหลายจุดในกรุงเปียงยาง (ปัจจุบันคือเมืองหลวงของเกาหลีเหนือ) อย่างเป็นทางการจากทหารฟิลิปปินส์ ส่วนบังคับบัญชาของทหารไทย เข้าพักในค่ายทหารของตุรกีที่ออกไปแนวหน้า

จีนแผ่นดินใหญ่ เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างตาไม่กะพริบ ทราบดีว่า แมคอาเธอร์จะฉวยโอกาสเข้าตีจีนด้วย

เหมา เจ๋อ ตุง ผู้นำจีนคอมมิวนิสต์ที่มีกำลังทหารมากที่สุดในโลก ออกอาการหงุดหงิด เพราะเกรงว่ากองทัพสหประชาชาติจะไม่หยุดอยู่เพียงแม่น้ำยาลู (Yalu) ซึ่งเป็นชายแดนระหว่างเกาหลีเหนือกับจีน (ดูแผนที่)

จีนคอมมิวนิสต์ระแวงว่ากองกำลังของสหประชาชาติจะใช้นาทีทองบุกต่อเนื่องเลยเถิดเข้าไปในจีน ซึ่งในขณะนั้นถือเป็นขั้วตรงข้ามกับสหรัฐ ประการสำคัญจีนยังกลัวเจียง ไค เช็ค ผู้นำจีนไต้หวันกระโจนเข้าร่วมกับอเมริกา เข้าโจมตีจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อตีเอาแผ่นดินคืน

ช่วงเวลานั้น คือ หัวเลี้ยวหัวต่อ แพ้กลับเป็นชนะ และชนะอาจกลายเป็นแพ้ได้ หากพลาดแม้แต่ก้าวเดียว

และแล้ว พญามังกรจีน ก็ขอขยับเนื้อ ขยับตัวบ้าง

เหมา เจ๋อ ตุง ประสานขอความช่วยเหลือจากสตาลิน ผู้นำของสหภาพโซเวียต ซึ่งสตาลินให้การสนับสนุนกำลังทางอากาศและมอบอาวุธให้เท่านั้น เพราะโซเวียตเองก็เกรงว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอเมริกาที่อาจนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์

การทำสงครามแบบใช้ “เบี้ย” เข้าประหัตประหารกันแบบนี้ ทางทหารเรียกว่า สงครามตัวแทน หรือ Proxy War สงครามเกาหลีเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของสงครามตัวแทน ระหว่างอเมริกากับโซเวียตในช่วงสงครามเย็น (Cold War) โดยมีอเมริกาและโซเวียตเป็น “ขุน” ที่ขอแอบอยู่นอกกระดานหมากรุก
ขอเรียนท่านผู้อ่านที่เคารพว่า ประเทศมหาอำนาจ อย่างอเมริกาและโซเวียตจะไม่เข้าทำสงครามกันโดยตรง แต่จะใช้ประเทศลูกสมุนมาต่อสู้กันแทน สงครามตัวแทนที่ปรากฏชัดเจนมี 4 ครั้ง คือ วิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในคิวบา สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม สงครามในอัฟกานิสถาน

กลับมาที่วิกฤตการณ์สงครามเกาหลีครับ

เหมา เจ๋อ ตุง นำประเทศเข้าสู่สงคราม เพราะกำลังทหารของสหประชาชาติรุกผ่านเส้นขนานที่ 38 เข้าไปในเกาหลีเหนือแล้ว

ในสงครามเกาหลี ยาวนาน 3 ปี 1 เดือน กองทัพอาสาสมัครประชาชนจีน (China People Volunteer : CPV) นับแสนคนเข้าตีต่อกองกำลังสหประชาชาติ 5 ครั้งใหญ่ๆ วันที่ 25 ตุลาคม 2493 เป็นครั้งแรกกองทัพอาสาสมัครประชาชนจีน ราว 180,000 นายจู่โจมเข้าตีต่อทหารเกาหลีใต้และกองทัพที่ 8 ของสหรัฐที่บริเวณเนินเขาตอนกลางของเกาหลีเหนือ สหรัฐเองยอมรับว่าจีนปกปิด ซ่อนพรางการเคลื่อนย้ายทหารจำนวนมหาศาลได้แบบเหลือเชื่อ

1 พฤศจิกายน 2493 จีนใช้เครื่องบิน MiG-15 เข้าโจมตีกองทัพสหรัฐเป็นครั้งแรก ต่อมาใน 5 พฤศจิกายน 2493 กองทัพจีนหยุดการเคลื่อนที่

25 พฤศจิกายน 2493 ทหารสหประชาชาติสถาปนากำลังใหม่แล้วเข้าตีกองทัพจีน เลยโดนกองทัพจีนสวนกลับ กองทัพของเหมา เจ๋อ ตุง กำลังราว 200,000 นายเข้าตีโต้ตอบกองพลที่ 7 ของเกาหลีใต้และกองพลที่ 6 จนเกือบละลาย

26 พฤศจิกายน 2493 จีนใช้ทหารราว 200,000 นายเข้าตีกองทัพที่ 8 ของสหรัฐจนต้องร่นถอยเป็นระยะทางยาวไกล

29 พฤศจิกายน กองพลน้อยของตุรกีถูกกองทัพจีนเข้าตีที่บริเวณซัมโซ รี จนละลาย และกองทัพที่ 20 และกองทัพที่ 27 ของเหมา เจ๋อ ตุง ยังเข้าตีนาวิกโยธิน 2 กรมของกองพลนาวิกโยธินที่ 1 ของสหรัฐ ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำโชซิน เป็นการรบที่ดุเดือดเลือดพล่าน กองทัพที่ 8 ของสหรัฐต้องร่นถอยยาวไกล

30 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีทรูแมนของสหรัฐให้สัมภาษณ์ในวอชิงตัน เรื่องความเป็นไปได้ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์

ยุทธวิธีที่กองทัพจีนนำมาใช้ในสงครามเกาหลี โดยจอมพล Peng Dehuai คือ การใช้ทหารหน่วยกล้าตายชุดละ 5 คน คลานเข้าไปหาข้าศึกในเวลากลางคืน เข้าไปให้ใกล้ในระยะขว้างระเบิดมือ แล้วเปิดฉากการยิง ข้าศึกจะตกใจสุดขีด เพราะข้าศึกมาประชิดตัว หน่วยเดนตายนี้จะรีบบุกเข้าไปให้ลึกที่สุด สร้างความสับสนให้ฝ่ายตั้งรับ ทหารจีนที่เหลือจะกรูกันตามเข้าไปตามช่องเจาะ ที่มีหลายช่อง หลายจุด แล้วรีบเคลื่อนที่ไปหลังแนว โจมตีข้าศึกจากหลังแนว

ยุทธวิธีแบบนี้ทำให้ข้าศึกสับสน เสียขวัญและไม่สามารถใช้อาวุธหนักได้ เพราะทหารจีนอยู่ในระยะประชิดกับตนเอง

กองทัพจีนใช้ยุทธวิธีแทรกซึม เจาะแนวของทหารสหประชาชาติในเกือบทุกพื้นที่การรบ และประสบชัยชนะ

และอีกหลายสมรภูมิในเกาหลี ทหารจีนนับหมื่นจะคลาน จะวิ่ง ดาหน้าวิ่งเข้าหาข้าศึกแบบต่อเนื่อง ทหารสหประชาชาติโดยเฉพาะสหรัฐยิงใส่คลื่นทหารจีนที่วิ่งเข้าหาคมกระสุนแบบฆ่าตัวตาย ยิงกันจนกระสุนหมด ก็วิ่งมาให้ยิงอีก ทหารจีนเข้าตีแบบไม่อั้นศพ คนข้างหลังเหยียบศพทหารที่ตายแล้วถือปืนวิ่งต่อไปข้างหน้าไม่หยุด ศพแล้วศพเล่า แม้กระทั่งทหารสหประชาชาติเองยังยกย่องในวีรกรรมทหารจีน

31 ธันวาคม 2493 วันส่งท้ายปีเก่า ทหารจีนราว 120,000 นายรุกข้ามแม่น้ำอิมจิน (Imjin) มุ่งเข้าตีต่อทหารเกาหลีใต้ และกองทัพที่ 8 ของสหรัฐจนต้องร่นถอยอีกครั้ง

5 มกราคม 2494 กองทัพจีนและเกาหลีเหนือเข้ายึดสนามบินคิมโป (Kimpo) และเมืองอินชอน (Inchon) ของเกาหลีใต้ไว้ได้อีกครั้ง แล้ววางกำลังครอบคลุมพื้นที่

25 มกราคม 2494 กองทัพสหประชาชาติรุกกลับ และยึดกรุงโซลกลับมาได้อีกครั้งใน 15 มีนาคม 2494

ท่านผู้อ่านคงนึกเห็นภาพกรุงโซล นะครับ แหลกไม่เหลือซาก เพราะเป็นพื้นที่ช่วงชิงในการรบ

สงครามเกาหลีเป็นสงครามที่แสนหฤโหด พื้นที่การรบส่วนใหญ่เป็นภูเขา สภาพอากาศที่ลมพัดแรง หนาวจัดถึงตาย

หลังจากการรบชิงกรุงโซลกลับมาได้อีกครั้งและผลักดันกองทัพจีนและเกาหลีเหนือกลับออกไปเหนือเส้นขนานที่ 38 เป็นผลสำเร็จ ต้องถือว่ากองทัพของสหประชาชาติภายใต้การนำของนายพลแมคอาเธอร์ทำการรบเป็นไปตามเป้าหมาย ประธานาธิบดีทรูแมนของสหรัฐคาดหวังว่าจะมีการเจรจายุติสงครามที่แสนหฤโหด ไม่ต้องการเห็นการรบ ไม่ต้องการชัยชนะที่มากไปกว่านี้แล้ว และต้องหยุดลงตรงนี้

แนวคิดดังกล่าวได้รับการโต้แย้งจากนายพลแมคอาเธอร์ ที่ต้องการขยายผลแห่งความมีชัยต่อไปอีก โดยต้องการจะขับไล่เกาหลีเหนือและจีนออกไปให้พ้นดินแดนเกาหลีและทำลายคลังอาวุธ ตำบลส่งกำลังให้สิ้นซาก แมคอาเธอร์กล่าวว่า “ไม่มีอะไรที่จะมาทดแทนชัยชนะในสงครามได้”

แมคอาเธอร์ยังคงสั่งให้กองทัพไล่ติดตาม บดขยี้ข้าศึกอย่างไม่ลดละ ไปจนถึงชายแดนจีน

11 เมษายน 2494 ทรูแมนสั่งปลดนายพลแมคอาเธอร์ออกจากตำแหน่ง ด้วยเกรงว่าสงครามจะบานปลายขยายวงออกไปมากกว่านี้ และแต่งตั้งนายพลแมทธิว ริดจเวย์ (General Matthew Ridgway) ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน

19 เมษายน 2494 หลังถูกปลด นายพลแมคอาเธอร์ได้รับเชิญให้ไปกล่าวสุนทรพจน์ในสภาคองเกรส ซึ่งเป็นสุนทรพจน์ที่ยิ่งใหญ่ ปวดร้าวของนายทหารชั้นเยี่ยม โดยมีวาทะก้องโลกมาจนถึงปัจจุบันว่า

“Old Soldiers never die, they just fade away.” วาทะอันคมคาย ขมขื่น แสดงถึงความมีวินัยสูงสุดของทหารอาชีพของกองทัพสหรัฐ ที่เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาโดยไม่มีข้อแม้

22 เมษายน-15 พฤษภาคม 2494 เป็นการรบหนักครั้งที่ 5 ในสงครามเกาหลี จีนโถมกำลังมหาศาลแบบมืดฟ้ามัวดินจำนวน 3 กองทัพ เข้าตีอีกครั้ง มุ่งหมายเพื่อเข้าจะยึดกรุงโซลอีก รบแตกหักแต่จีนล้มเหลว กองทัพสหประชาชาติต้านทานคลื่นมนุษย์ของกองทัพจีนไว้ได้ กรุงโซลย่อยยับแหลกละเอียด ทหารทั้ง 2 ฝ่ายตายนับหมื่น

ผู้นำระดับสูงของมหาอำนาจทั้งหลายเริ่มแอบเจรจาหยุดยิงกัน

ทุกศึกสงครามจะมีการแอบคุยกันลับๆ เสมอ เพื่อหน้าตาของท่านผู้นำ ทั้งๆ ที่ไพร่พลตายไปต่อหน้าต่อตานับล้านคน

การรบที่สุดโหดในเกาหลียุติลง (ชั่วคราว) เมื่อ 21 พฤษภาคม 2494 แต่ยังแค้นคาใจเหมือนไฟนรกสุมทรวง

โปรดติดตามตอนต่อไป ..เบื้องหลังการปลดนายพลแมคอาเธอร์ และวีรกรรมของทหารไทยในสมรภูมิเกาหลีที่ต้องขอยกย่อง

แปลและเรียบเรียง
พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image