ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ เอสยูวี…จอมลุย

  ถ้าถามผู้คนว่าถ้าพูดถึง รถยนต์ซูบารุ แล้ว นึกถึงอะไร ถ้าเป็นชาวบ้านร้านรวงทั่วไปบางคนอาจจะพาลไปนึกถึงรถสองแถวขนาดเล็กพริกขี้หนู วิ่งรับส่งในตรอกซอกซอย ถนนขนาดเล็กหลายแห่งโดยเฉพาะใน กทม. แต่ถ้าหากเป็นผู้ที่สนใจเรื่องรถยนต์ จะทราบดีว่ารถยนต์ซูบารุ เป็นรถเน้นสมรรถนะการขับขี่ ระบบช่วงล่างด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์วางนอน ช่วยรักษาสมดุลการทรงตัวของรถได้เป็นอย่างดี นอกจากรถยนต์ประเภทรถเก๋งของซูบารุจะได้รับการกล่าวขวัญถึงความแรง การทรงตัวที่ยอดเยี่ยม อย่างซูบารุ อิมเพรซ่า และอีกหลายรุ่นแล้ว ซูบารุก็พยายามพัฒนารถยนต์อเนกประสงค์หรือเอสยูวี ให้เป็นรถใช้งานได้สมบุกสมบัน และเป็นรถแรงในกลุ่มของรถอเนกประสงค์ จับกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ชอบขับรถบุกตะลุยท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ แต่ไม่ชอบอารมณ์รถปิกอัพ และไม่มีงบประมาณไต่ไปถึงระดับรถหรู เมื่อปีที่แล้ว บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ ซูบารุอย่างเป็นทางการ ได้เปิดตัวรถเอสยูวี ฟอเรสเตอร์ รุ่นใหม่ แม้จะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนรถญี่ปุ่นประเภทเดียวกัน แต่ฟอเรสเตอร์จะเป็นที่รู้จักในบรรดากลุ่มผู้คนที่ชอบรถใช้งานได้หลากหลาย การมาครั้งนี้ของฟอเรสเตอร์ ได้พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพในการขับขี่ ผสานเทคโนโลยีนวัตกรรมและพยายามยกระดับให้โดดเด่นยิ่งขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับรถครอบครัวที่มีไลฟ์สไตล์ชอบความท้าทาย เดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ ฟอเรสเตอร์ มี 3 รุ่นให้เลือก 2.0i, 2.0i-P, 2.0XT ในรุ่น 2.0i และ 2.0i-P มาพร้อมกับเครื่องยนต์ บ็อกเซอร์ (Boxer) ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาวล์ รุ่น FB 20 เพื่อสร้างพลังการขับเคลื่อน 150 แรงม้า (PS) ที่ 6,200 รอบต่อนาที ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงระดับ 7.9 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร รุ่นที่ทำการทดลองขับเป็นรุ่น 2.0i-P ราคา 1,538,000 บาท ส่วนรุ่น 2.0XT ตัวท็อป มาพร้อมเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ ไดเรคต์-อินเจคชั่น เทอร์โบ (Boxer Direct-Injection Turbo) 241 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบต่อนาที อัตราการใช้เชื้อเพลิงระดับ 8.5 ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร ฟอเรสเตอร์ มาพร้อมระบบเอ็กซ์โหมด (X-Mode) จะประสานการทำงานของคันเร่ง ระบบส่งกำลัง และระบบขับเคลื่อนออลวีลไดรฟ์ (AWD) เพื่อช่วยให้การขับขี่บุกตะลุยในสภาพถนนทุกรูปแบบ เป็นไปอย่างปลอดภัยในพื้นถนนที่ไม่เอื้ออำนวย  

ซูบารุมั่นใจในรากฐานของการเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนได้ในทุกสภาพถนน ฟอเรสเตอร์ จึงพัฒนายกระดับระบบช่วงล่างและชุดคอยล์สปริง เพื่อให้เกิดความนุ่มนวลในการขับขี่ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพการบังคับควบคุมแบบสะดวกสบาย แต่ยังคงควบคุมทิศทางของรถได้ง่ายทั้งแบบถนนในเมืองและออฟโรด ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับกระจังหน้ารูปแบบใหม่ ไฟท้าย และล้อลายใหม่ ส่วนภายในตกแต่งแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น เน้นความเรียบง่ายในการออกแบบและตกแต่งห้องโดยสารใหม่ พร้อมชุดเครื่องเสียงและชุดจอแสดงผลแบบแอลอีดี มีการใช้วัสดุเก็บเสียงรูปแบบใหม่ รวมทั้งเพิ่มความหนาของกระจก ลดเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามายังภายในห้องโดยสารได้ดี ภายในห้องโดยสารกว้างขวางวิสัยทัศน์การมองรอบทิศทางทำได้ดี ฟอเรสเตอร์ตั้งใจออกมาสำหรับผู้ที่ชอบทำกิจกรรมต่างๆ เพราะขณะที่ออกไปสนุกสนานกับกีฬาท้าทาย ทั้งวิ่ง ปีนเขา หรือขี่จักรยานบนเขาที่ลาดชัน ก็อาจจะเกิดเหตุไม่คาดคิด ทำให้ลูกกุญแจสูญหายหรือเสียหายได้ ดังนั้น ฟอเรสเตอร์ จึงเพิ่มระบบรหัสระบุตัวตน (Personal Identification Number : PIN) เพื่อให้ผู้ใช้รถสามารถเก็บกุญแจไว้ในรถเพื่อออกไปทำกิจกรรมและเพียงป้อนรหัสถูกต้องก็สามารถปลดล็อกประตูได้ ระบบความปลอดภัยนั้นถือเป็นหัวใจหลักของรถยนต์ซูบารุทุกรุ่นและมีการพัฒนาระบบความปลอดภัยเชิงรุก (active safety) และระบบความปลอดภัยเชิงรับ (passive safety) เช่น โครงสร้างนิรภัย แบบ ริง เชป รีอินฟอร์ซเมนต์ เฟรม (Ring Shaped Reinforcement Frame) ช่วยปกป้องผู้โดยสารให้ปลอดภัยในกรณีที่เกิดการพลิกคว่ำของตัวรถ ระบบไฟหน้า LED ปรับองศาตามทิศการหมุนพวงมาลัย ทำให้วิสัยทัศน์การมองเห็นอยู่ในระดับดี โดยรวมแล้ว ฟอเรสเตอร์เหมาะเป็นรถใช้งานประเภทลุยไหนลุยกัน ไปได้ทุกที่ ไม่มีฟอร์มมากเหมือนรถหรู หากใครคิดจะซื้อแล้วกะว่าจะใช้งานนานๆ ไม่คิดจะขายต่อ มาทางนี้ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image