⦁…โล่งไป! ข่าวอื้อฉาวที่แม่ฮ่องสอน ทำเอา “สืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์” ผู้ว่าฯที่เพิ่งไปรับตำแหน่งเจอ “มรสุม” หนัก กว่าจะเคลียร์หลักฐานว่า ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ แถมยังรวบตัว ชูชาติ พ่วงจีน อบต.บ้านใหม่ นนทบุรี ที่ไปซื้อบริการหญิงแล้วเมาบอกเด็กไปว่าเป็น “ผู้ว่าฯ” เรียกว่า หืดขึ้นคอ
⦁…“ผู้ว่าฯสืบศักดิ์” บอกว่า งานนี้จบแปลว่าจบ ไม่จองเวร เอาเรื่องใครอีก ตอนนี้รอคำสั่งกลับไปทำงานที่แม่ฮ่องสอน ส่วน “มหาดไทย” โดย ปลัดฯกฤษฎา บุญราช บอกว่า ปิดคดีไปแล้วต่างคนต่างกลับไปทำงาน ส่วน “ชาว อบต.บ้านใหม่ นนทบุรี” ที่ยกคณะไปดูงาน “เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน” แล้วถูกระบุว่า มีรายการ “ปูเสื่อ” ก็ต้องสู้คดี-ชี้แจงกันไป
⦁…“บทเรียน” สำคัญจากกรณีนี้ คือเรื่องของการ “พิพากษาล่วงหน้า” จาก “ข้อกล่าวหา” ที่ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาเสียผู้เสียคน โดยที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ด้วยพยานหลักฐานอย่างชัดเจน บางเรื่องอาจจะมีหลักฐานจากที่เกิดเหตุ นั่นก็เรื่องหนึ่ง แต่บางกรณียัง “อึมครึมซับซ้อน” สังคมและสื่อที่ปัจจุบันนี้มี “ออนไลน์-โซเชียลมีเดีย” เข้ามาเร่งสปีด จะต้องคำนึงถึงการให้ “ความเป็นธรรม” และสร้างสำนึกในการ “รับฟัง” ให้ครบถ้วนกระบวนความมากกว่านี้
⦁…ส่วนแวดวง “ราชการ” ทุกส่วน ต้องปฏิรูปธรรมเนียมการต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อกันใหม่ เพราะ “เรื่องจริง” มีอยู่ว่า การจัดหา “เด็กสาว” ไปให้ “บริการ” ผู้หลักผู้ใหญ่ หรือบุคคลทั่วไปนั้น ยังเป็นที่นิยม เรื่องอย่างนี้คือการ “ค้ามนุษย์” ที่สังคมโลกรับไม่ได้ และถือเป็นค่านิยมที่ทำลาย “ความเป็นมนุษย์” อย่าง “ร้ายแรง” แต่ในบ้านเราบางกลุ่มยังเห็นเป็นเรื่องปกติ
⦁…เริ่มถกเถียงกันแล้ว “ปฏิรูป” ตำรวจ อีก “โมเดล” จาก พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อศึกษาแผนการปฏิรูปกิจการตำรวจ ในคณะกรรมการประสานงานระหว่าง สนช.และ สปท. เสนอให้ย้ายกลับไปสังกัด “กระทรวงยุติธรรม” และกำหนดสเปกตำแหน่งสำคัญๆ ใหม่ อาทิ ผบ.ตร.ต้องผ่านงานสอบสวนเข้มข้น เพิ่มเงินเดือนทั้งระบบ ป้องกันหาเศษหาเลย
⦁…ว่าไปเป็น “แนวทาง” ที่น่าสนใจ แต่คงต้องเข็นกันเหงื่อหยด เพราะสายค้านจ้องเป๋งอยู่ หลักการง่ายๆ ที่่น่าคิดคือ ถ้าใช้แนวทางนี้ แล้วทำให้ตำรวจทำหน้าที่ได้ดีขึ้น พิทักษ์สันติราษฎร์ได้ดีขึ้น ลดการเบียดเบียนประชาชน ก็ควรจะเดินหน้ากันให้ได้ ไม่อย่างนั้นลากไปลากมา แล้วแต่ใครจะหวังผลประโยชน์ตรงไหน
⦁…การเมืองไทยเดินหน้าสู่ปีที่ 3 ของรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ท่ามกลางกระแส “ให้คะแนน” ที่ร้อนแรง งานนี้รัฐบาลเป็นฝ่าย “ตั้งรับ” ฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์รายวันกันไป ถือว่าเป็นเรื่องดี หากจะ “เปิดฟลอร์” ให้หลายๆ ฝ่าย เข้ามาใช้เวทีแสดงความคิดความเห็นเรื่องบ้านเมืองกันบ้างว่า “ฝีไม้ลายมือ” ของรัฐบาลเป็นยังไง และ “ทุกข์-สุข” ใน 3 ปีนี้ มากน้อยขนาดไหน!!
⦁…สถานการณ์ตอนนี้คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการรอคอยให้ “กม.ลูก” ผ่านขั้นตอน ส่วน “เดือนตุลาฯ” เป็นห้วงเวลาของการผนึกความคิดจิตใจของพสกนิกรไทย ส่งเสด็จฯ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” สู่สวรรคาลัย จากนั้นจะเป็นวาระมหามงคล “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 10” ก่อนจะเข้าสู่ปี 2561 อันเป็นห้วงเวลาเปลี่ยนผ่านไปสู่ “ระบบการเมืองปกติ” กันอีกครั้ง
⦁…ที่จะมี “อะไร” คือเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อ “ดร.ซุป-ศุภชัย พานิชภักดิ์” อดีต รมว.คลัง ผู้บริหารองค์การการค้าโลกและอังค์ถัด เตือนรัฐบาลว่า ต้องให้ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่แท้จริงแก่ประชาชน ปมปัญหาใหญ่ๆ คือ ประการแรก ทำไม “เอกชนไม่ลงทุน” ประการที่สอง คือ การลงทุนเอกชนไฉนมีแต่ “อสังหาริมทรัพย์” ทั้งที่รายได้ กำไร ลดลง ระวังจะเกิด “ฟองสบู่” ทั้งหมดเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องหาคำตอบและเร่งแก้ไข
กาแฟป่า