คอลัมน์ ไซเบอร์ทีน
แหม่! จั่วหัวขึ้นมา ทำให้นึกถึงกระเป๋าวิเศษของโดราเอมอน ที่หยิบของวิเศษชิ้นหนึ่งขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือ “โนบิตะ” แต่ของวิเศษที่คุณพี่กำลังนำมาเสนอ เป็นของวิเศษที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัทในประเทศญี่ปุ่น ที่มีชื่อว่าบริษัท โมโม่ ตั้งอยู่ที่เมืองโกเบ
เป็น “เคส” ที่มีความไม่เหมือนใคร เพราะถูกออกแบบมาเพื่อช่วยคุณผู้ปกครองทั้งหลาย ให้สามารถปกป้องลูกหลานจากการ “ติดมือถือ” ได้
เคสที่ว่านี้ มีชื่อว่า “โอโตมอส” ที่เอาจริงๆ หน้าตาก็เหมือนกับเคสทั่วไปนี่แหละ เพียงแต่มีความสามารถพิเศษแฝงอยู่ในตัว เพื่อมาเป็นตัวช่วยของผู้ปกครองที่เบื่อเหลือเกินกับการที่บุตรหลานติดมือถือกันงอมแงม ไม่ยอมวางแม้แต่เวลากินข้าวหรือออกไปข้างนอก ที่ถือว่าเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเวลาที่เดินอยู่แล้วเล่นมือถือไปด้วย
โดยเคสนี้เวลาใส่จะถูกติดตั้งด้วยวิธีที่ไม่ปกติธรรมดา เพราะต้องขั้นสกรูติดไว้กับเครื่องเลย และอย่าหวังว่าจะถอดออกง่ายๆ เพราะต้องใช้เครื่องมือพิเศษเท่านั้นจึงจะขันสกรูดังกล่าวนี้ออกจากมือถือได้
น้องๆอาจจะมีคำถามว่า ถึงขนาดต้องขันสกรูกันเลยเหรอ??
มาดูก่อนว่า เคสนี้ทำอะไรได้บ้าง แล้วน้องๆก็จะรู้ว่า ทำไมต้องแงะออกยากขนาดนั้น
โดยหลังจากติดตั้งเคสกับมือถือของลูกหลานเรียบร้อยแล้ว คุณผู้ปกครองก็ต้องโหลดแอพพลิเคชั่นมาเพื่อใช้งานร่วมกันเพื่อเอาไว้สำหรับควบคุมมือถือของลูกหลานนั่นเอง
หรือถ้าผู้ปกครองคนไหนไม่ได้มีมือถือใช้เพื่อลงแอพพลิเคชั่น ก็สามารถเข้าไปตั้งค่าต่างๆผ่านทางเว็บไซต์ได้
เพียงเท่านี้ ผู้ปกครองก็สามารถควบคุมการใช้งานมือถือของลูกๆในแต่ละวันได้ อย่างเช่น ต้องการจะให้ใช้วันละ 8 ชั่วโมง เมื่อใดที่เด็กๆพยายามที่จะใช้มือถือเกินเวลาที่กำหนด มือถือก็จะถูกเข้าสู่โหมด “สลีป” โดยอัตโนมัติ เท่านี้ เด็กๆก็ใช้มือถือไม่ได้แล้ว จนกว่าจะไปเริ่มวันใหม่
หรือหากตรวจพบว่า ผู้ใช้มือถือติดเคสพิเศษนี้ “กำลังเดิน” เครื่องก็จะไม่สามารถใช้งานได้ เพื่อให้ผู้ถือมือถือมีสมาธิอยู่กับการเดิน เพื่อที่จะได้ไม่เกิดอันตราย
หรือหากเมื่อใด ที่มือถือที่ติดเคส เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เช่น กรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็จะมีการส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังผู้ปกครองทันที
นายมาซาโต โอตสึ ประธานบริษัท โมโม่ วัย 37 ปี บอกว่า เขาพัฒนาเคสนี้ขึ้นมาหลังจากรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความห่วงกังวลของบรรดาผู้ปกครองที่มีบุตรหลานใช้มือถือ และสิ่งที่ต้องทำคือ เพียงแค่ติดเคสนี้เข้าไป
โดยคาดว่า เคสวิเศษนี้ จะคิดค่าบริการราว 500 เยนต่อเดือน พร้อมผูกสัญญา 2 ปี ในสัญญานี้จะมีบริการเฝ้าสังเกต พร้อมกับเคสสมาร์ทโฟน และราคาของแอพพลิเคชั่น
ดูจากประสิทธิภาพของเคสวิเศษนี้แล้ว คุณพี่เชื่อเลยว่า น้องหลายคนอาจจะคิดว่า ไม่อยากให้มีมาขายเลยในประเทศไทย
อันนี้คุณพี่ก็ไม่รู้ได้ว่าจะเป็นอย่างไร รู้แต่ว่า จริงๆแล้ว เอามาใช้กับ “ผู้ใหญ่” บางคนก็จะดี อิอิ
พี่ศรีหนุ่ย
