เจนนิสา คูวินิชกุล “จากเด็กฮาร์วาร์ด” สู่ “แม่ค้าขายโรตีอินเตอร์”

“ในชีวิตของแจน แจนคิดเสมอว่าเราเรียนดี ทำงานที่ดี ทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจมาเยอะแล้ว มันไม่พอแล้ว แจนเลยอยากจะทำอะไรสักอย่างให้สังคมโดยรวมภูมิใจ และมีความสุขไปกับแจนด้วย”

นี่อาจเป็นประโยคง่ายๆ ที่บอกเล่าความเป็นมาที่ทำให้สาวฮาร์วาร์ดอย่าง แจน-  เจนนิสา คูวินิชกุล ทายาทเครือ อลูเม็ท อะลูมิเนียมยักษ์ใหญ่ของไทย เบนเข็มจากการทำงานในบริษัทต่างชาติชั้นนำของโลก มาเริ่มต้นธุรกิจขายความเป็นไทยของตัวเองอย่าง “ปริมมาลัย” ผลิตภัณฑ์ความงามจากดอกไม้ไทย และแบรนด์ขนมโรตีสายไหม “แคนดี้ เครป” ที่ถูกใจชาวต่างชาติจนส่งออกได้ไม่น้อย

ก่อนจะริเริ่มธุรกิจของตัวเองเช่นทุกวันนี้ “แจน” ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์นอกบ้านมาไม่น้อย หลังจากเรียนจบปริญญาตรีด้านการบริหารธุรกิจ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอเริ่มบทบาทการทำงานด้วยการเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนที่ฮ่องกงอยู่ 3 ปี ได้เปิดบริษัทนำเข้าส่งออกของตัวเอง ก่อนตัดสินใจมุ่งหน้าพัฒนาทักษะและความรู้ตัวเองด้วยการศึกษาต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และสานต่องานที่ปรึกษาธุรกิจที่สิงคโปร์อีก 2 ปี

แม้ว่าชีวิตการทำงานของเธอจะดูสวยหรู แต่แจนกลับบอกว่า ชีวิตหญิงไทยในต่างแดนที่ต้องเจอกลับทำให้รู้สึกอยากลุกขึ้นมาพิสูจน์ตัวเอง นั่นเพราะตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ รู้สึกตลอดว่าแม้ต่างชาติจะไม่ได้ดูถูกผู้หญิงไทย แต่ก็ไม่เคยเชื่อในความสามารถ

Advertisement

“แจนจึงคิดว่า ต้องนำความเป็นไทยไปต่อยอดสู่เวทีโลก ให้เขารู้ว่าไทยมีดี”

นั่นเป็นเหตุผลให้เธอลุกขึ้นมา ปั้นแบรนด์จากความเป็นไทย

Advertisement

“ธุรกิจต่างๆของแจน เริ่มต้นจากความชอบส่วนตัว แจนชอบเดินทาง ชอบทำสปา ก็เริ่มจากธุรกิจด้านนี้ก่อน แจนบินไปสัมมนาเรื่องเครื่องหอมที่อังกฤษ มีทีมวิจัยที่ทำให้กับโจ มาโลน มาวิจัยให้เรา แต่ก็พบว่าอะไรที่ขึ้นชื่อว่าไทย มักไปไม่ถึงดวงดาว แต่แจนเชื่อว่าของเรามีดี อย่างดอกไม้ไทยไม่น้อยที่หอมและมีคุณสมบัติทางการแพทย์บำบัดได้ดีกว่าฝรั่ง จึงเป็นที่มาของปริมมาลัยซึ่งเราโชคดีที่มีดร.ด้านพืชศาสตร์มาร่วมวิจัยให้เรา นอกจากนี้เรายังนำเอาหัตถกรรมชาวบ้านมาต่อยอดเป็นปริมมาลัย ลีฟวิ่งอีกด้วย”

และอีกก้าวกับแบรนด์ “แคนดี้ เครป” ซึ่งเธอขอสานฝัน ที่อยากได้ยินชื่อไทยๆ ในร้านอาหารดังๆของโลก เช่นเดียวกับมัทฉะ กรีนทีของญี่ปุ่นบ้าง

“ด้วยความที่เราอยากสานต่อความเป็นไทย เราคิดอะไรเยอะ ซึ่งหากประสบความสำเร็จสักอย่างเราก็ดีใจแล้ว อย่างโรตีสายไหม หลักๆคือแจนชอบทาน แต่ก็คิดว่าจะให้อร่อยต้องไปซื้อถึงอยุธยา แถมทำกินเองไม่ได้ไม่คุ้มทุน แต่ขนมชนิดนี้มีกิมมิคในตัวเองที่สามารถอธิบายให้ฝรั่งฟังได้ง่าย แป้งก็คือเครป ไส้ก็คือแคนดี้ ฝรั่งได้ยินก็จะคิดถึงความสุขเหมือนคอตตอนแคนดี้ของเขา”

พิซซ่าโรตีสายไหมแต่กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างเช่นทุกวันนี้ เจนนิสา เล่าว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจากศูนย์ ต้องตระเวนชิมโรตีสายไหมจนทั่วไม่ต่ำกว่า 100 เจ้า เพียรพยายามซื้อสูตรนับปีกว่าจะได้มา ออกไปตากแดด ตากลม เรียนการทำขนมทุกขั้นตอน จนรู้ว่าจุดอ่อนของขนมชนิดนี้คือคนมักติดภาพความไม่สะอาด ทำข้างถนน เป็นที่มาให้เธอวางแผนโรงงานใหม่ทั้งหมด เน้นความสะอาด และให้ขนมอยู่ได้นาน เพื่อให้ได้มาตรฐานอาหารขั้นสูงมาครอง

และเพื่อให้ขายได้ดิบได้ดีเช่นทุกวันนี้ เจนนิสา ได้ร่วมมือกับทีมวิจัยของสวทช. คิดค้นรสชาติใหม่ๆของแป้งและไส้ ทั้งชาโคลแป้งสีดำ ไส้รสชาไทย ทุเรียน โคล่า มะพร้าวอ่อน ส้ม องุ่น ล่าสุดกับการพัฒนาสูตรสำหรับผู้ต้องควบคุมน้ำตาลด้วย

“เราเริ่มขายโรตีสายไหมทางช่องออนไลน์ก่อน ปรากฏว่าคนต่างชาติสนใจมาก ยอมจ่ายค่าส่ง 15000 บาท สำหรับขนมกล่องละ 500 บาทได้ และมีติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์เยอะมาก แต่แจนยังไม่พร้อม จึงคิดเปิดคาเฟ่ขึ้นมาซึ่งตอนนี้มี 4 แห่ง ทำเมนูแปลกๆอย่างพิซซ่า ซูชิ โรตีสายไหม ให้ความรู้คนว่าเรากินแบบแปลกๆก็ได้ ผลพลอยได้คือเราเก็บข้อมูลได้ว่าหากขายแฟรนไชส์แล้ว สถานที่ไหนจะขายแบบใด จนตอนนี้เรากำลังมีธุรกิจแคทเธอริ่งรับจัดอาหารด้วย”

“ทุกอย่างที่ทำ ค่อยๆเริ่มแต่ก็ประสบความสำเร็จเรื่อยๆ แจนคิดอะไรไว้หลายอย่าง หากมันสำเร็จแค่สักอย่างหนึ่ง ก็ภูมิใจแล้ว”

แต่แม้จะเปรี้ยงปร้างในโลกออนไลน์ ประสบความสำเร็จระดับหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ “โรตีสายไหม” ก็สร้างความข้องใจให้คนรอบข้างไม่น้อย

“ทุกวันนี้นอกจากเราทำธุรกิจที่บ้าน ก็มีธุรกิจเกี่ยวกับความเป็นไทยนี้ ซึ่งส่วนหลังเพื่อนชอบถามแจนว่า เรารวยนะ จบฮาร์วาร์ดนะ จะมาลำบากขายโรตีสายไหมทำไม ทำไมไม่นำเข้าแบรนด์เนมอะไรสักอย่างสบายๆ แต่อย่างที่บอกแจนไม่ได้ต้องการเงิน แจนอยากนำเสนอความเป็นไทย”

“ซึ่งแจนค่อนข้างภูมิใจกับตัวเอง ที่ยอมลงมานับ 1 ใหม่ทั้งๆที่เราเคยขึ้นไปสูงแล้ว”

อีกหนึ่งความคิดของสาวรุ่นใหม่ ที่อยากนำ “ความเป็นไทย” สร้างความภูมิใจสู่เวทีโลก”

สูตรใหม่ที่ปริมาณแคลอรี่และน้ำตาลลดลง 30%

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image