…แม้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะมั่นอกมั่นใจเต็มร้อย ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ว่า ผลงานที่ผ่านมาจะนำพาประเทศสู่การพัฒนา แบบ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ทว่าเสียงของ “กูรูเศรษฐศาสตร์” ระดับ ศุภชัย พานิชภักดิ์ ที่ชี้ให้ “พูดความจริงกับประชาชน” และการตั้งข้อสังเกตในหลายประเด็น มี “ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์” เป็นอาทิ ตามด้วย “ประชารัฐ” ที่ถามแบบเข้าเป้า “เข้ามาเอาหน้ากันหรือเปล่า” น่าจะเป็นเรื่องที่ “ไม่ใช่เฉพาะสมคิดเท่านั้นที่ต้องฟัง”
…แม้ว่าจะเดินหน้าไปไกลแล้วสำหรับ “เรือดำน้ำ” ที่ “รัฐบาลอนุมัติให้กองทัพเรือจัดซื้อ” แต่ผลสะเทือนดูท่าจะไม่หยุดลงง่ายๆ ท่ามกลาง “ความรู้สึกอึดอัดกับเศรษฐกิจ” คำถามในโลกออนไลน์ คำถามเรื่อง “เรือดำน้ำ” ยังไม่ลาไปจาก ความใส่ใจของผู้คน ล่าสุดที่แชร์กันระเบิดเถิดเทิงเป็นข้อเขียนของ ประสงค์
สุ่นศิริ คนที่สังคมเชื่อว่าในแต่ละเรื่องที่หยิบขึ้นมานำเสนอ เป็นการอ่านขาดว่า “เรื่องอะไรจุดกระแสติด” และลองว่าเป็นเรื่องที่ถูก “ติดตาม” และ “ตอกย้ำ” โดย “สายแข็ง” เช่นนี้ บางทีอาจจะเป็น “ระเบิด” ที่ “รอเวลา”
…ผลโพลล่าสุดที่สำรวจกันออกมา แม้ประชาชนจะยอมรับใน “งานด้านลดความรุนแรงทางการเมือง” แต่เสียงถามหา “ผลงานด้านเศรษฐกิจ” เริ่มดังขึ้น และขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่เข้าใจได้อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตั้งคำถามว่า “ทีมเศรษฐกิจไม่มีผลงานหรือ” ด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนทั่วไปรู้สึกว่า “ทุกคนทำงานหนักทั้งนั้น” แต่ประเด็นอยู่ที่ “เป็นความเข้าใจได้” ว่า “เป็นผู้นำรัฐบาลก็ต้องคิดอย่างไร” แต่เห็นด้วยหรือไม่กับความคิดแบบนั้น เป็นเรื่องที่ “ต้องหาฟังในวงสนทนาเฉพาะ” ในยุคสมัยแบบนี้ “ไม่อาจได้ยินได้ทั่วไป”
…ปัญหาใหญ่ของ “กทม.” กำลังจะเริ่มจาก “การเข้าสู่ฤดูฝน” แบบเต็มตัว ทุกวันนี้ “รถติดวินาศสันตะโร” อยู่แล้วจาก “การก่อสร้างที่ใช้พื้นที่ถนนมากมาย” แทบทุกถิ่นย่าน เมื่อผสมกับ “น้ำท่วมขัง” ที่เป็นปัญหาเรื้อรังแก้ไม่ได้ โอกาส “กทม.” จะเป็นอัมพาตมีสูงยิ่ง และเหล่านี้เองที่จะส่งผลต่อความเป็นไปทั้งทาง “สังคม” และ “เศรษฐกิจ” มหาศาล
…ในทาง “สังคม” ที่ชีวิตที่ทุกข์หนักกันอยู่แล้ว ด้วยปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะ “ชาวบ้านร้านตลาดระดับล่าง” ที่ก่อนหน้านั้น “ถูกจัดระเบียบการทำมาหากินอย่างเข้มข้น” หากซ้ำด้วย “ภัยธรรมชาติ” เข้าไปอีก แรงกดดันต่อชีวิตจะสูงขึ้น
…ส่วนในทางเศรษฐกิจ “วิกฤตจากการจราจร” ไม่เพียงส่งผลต่อการ “ใช้เชื้อเพลิงอย่างสูญเปล่า” แต่จะลามถึง “การประกอบกิจการของบริษัทห้างร้าน” ที่จะเกิดผลกระทบจาก “ความอึดอัดคับข้องจากปัญหาการเดินทางของพนักงาน” ไม่เว้นแม้แต่ “ข้าราชการที่จะสร้างผลงานได้ไม่เต็มศักยภาพ”
…ความเป็นไปเหล่านี้ คนจะประคับประคองความรู้สึกจาก “ความเดือดร้อนของชาวบ้าน” ได้ดีคือ “คนเข้าไปคลุกวงใน” ซึ่งก็คือ “นักการเมือง” ในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง “นักการเมืองเป็นตัวแทนประชาชน” ก็จริง แต่ในอีกบทบาทหนึ่ง “เป็นปากเป็นเสียงให้รัฐบาล” ด้วย การชี้แจง การช่วยเหลือ การเสนอแนะ “รัฐบาลออกมาตรการให้ตรงกับความเดือดร้อน” จะเกิดขึ้น แต่ใน “ยุคสมัยแบบนี้” อย่าว่าแต่จะ “ไม่ช่วยเคลียร์” ยังน่าสนใจอีกว่า “นักการเมือง” คิดอย่างไรกับ “รัฐบาล” ต่อ “ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน”
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่