ผมเห็นภาพข่าว พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โต้คารมกับนายวสุ ผันเงิน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นผู้ต้องหา ด้วยความอ่อนใจ
ผมจำได้ว่าผมได้เขียนติงเอาไว้ในหนังสือพิมพ์ “มติชน” ฉบับวันอังคารที่แล้ว (16 พฤษภาคม 2560) นี่เอง ในบทความชื่อ “เมื่อตำรวจ (ดีใจจน) ลืมกฎหมาย” ว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับ พ.ศ.2560 ในมาตรา 29 วรรค 2 บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “ในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า
ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่า บุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้”
ครั้งนั้น พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซักถามผู้ต้องหาต่อหน้าผู้สื่อข่าวด้วยถ้อยคำส่อไปในทางคุกคาม และปรักปรำ
ชั่วเวลาห่างกันเพียงสัปดาห์เดียว ภาพของการปฏิบัติต่อผู้ต้องหา เหมือนเป็นผู้กระทำความผิดก็เกิดขึ้นอีก คราวนี้โดยรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
การซักถามผู้ต้องหาของ พล.ต.อ.ศรีวราห์แม้จะกระทำภายในห้องที่ดูเหมือนจะจัดไว้โดยเฉพาะ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าผู้อื่นที่มิใช่พนักงานสอบสวนก็อยู่ในห้องนั้น และผู้สื่อข่าวก็สามารถบันทึกภาพการซักถามได้โดยตลอด
ที่น่าเกลียดมากก็คือภาพคนในเครื่องแต่งกายชุดดำซึ่งคงจะเป็นตำรวจเอื้อมมือไปจับร่างกายของผู้ต้องหาในทำนองขู่หรือคุกคาม และผู้ต้องหาร้องบอกว่า “อย่ามาโดนตัวกู”
หน้าที่ในการพิจารณาความผิดเป็นของศาล พนักงานสอบสวนมีหน้าที่เพียงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นฟ้องผู้กระทำความผิดต่อศาล และก่อนจะถึงศาลยังมีเจ้าพนักงานอัยการซึ่งจะต้องพิจารณาสำนวนการสอบสวนของตำรวจว่าสมควรจะฟ้องหรือไม่
พล.ต.อ.ศรีวราห์น่าจะตระหนักว่าการดำเนินการกับผู้ต้องหานั้นต้องปราศจากอคติและต้องเป็นไปในกรอบของกฎหมายเสมอ แม้โดยส่วนตัวจะเชื่อว่าผู้ต้องหากระทำความผิดจริง แต่ก็จะต้องไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวนั้นไปใช้กับผู้ต้องหาไม่ว่าด้วยประการใดๆ
ผมได้เตือนไว้ในบทความที่เขียนเมื่อวันอังคารที่แล้วว่า การนำตัวผู้ต้องหาออกไปซักถามและปรักปรำในที่สาธารณะต่อหน้าผู้สื่อข่าวเช่นนั้น อาจเป็นความผิดทางอาญาตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญาที่บัญญัติว่า ผู้ที่เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นความผิด มีโทษทั้งปรับและจำคุก
ผู้ต้องหาในคดีที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์รับผิดชอบนั้นเป็นถึงนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ย่อมมีความรู้เรื่องกฎหมายไม่มากก็น้อย หากผู้ต้องหาตัดสินใจที่จะยื่นฟ้อง พล.ต.อ.ศรีวราห์บ้างในข้อหาว่าปฏิบัติโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เขา ก็จะเสียหายทั้งแก่ส่วนตัว พล.ต.อ.ศรีวราห์เอง และแก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย
ถึงเวลาแล้วที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิธีดำเนินการกับผู้ต้องหาของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกระดับ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย ก่อนที่ตำรวจจะกลายเป็นผู้อยู่นอกหรือเหนือกฎหมายเสียเอง