รองผู้การร้อยเอ็ด ไล่บี้ จับผู้ต้องหาหลบหนี หลังตร.ขี้สงสาร ไขห้องขังปล่อยให้พบเมีย

รองผบก.ลงพื้นที่ติดตามคดี สั่งเกาะติด ประสาน ตม.บล็อกพื้นที่ กันหนีออกนอกประเทศ เชื่อมั่นยังอยู่ในเมืองไทย ส่วนตร.ที่เกี่ยวข้องก็จะต้องเอาผิดวินัยก่อน ส่วนจะมีความผิดอื่น หรือพักราชการก่อนเพื่อสอบสวนความผิดหรือไม่ ให้ ผกก.เสนอเรื่องให้ ผบก.พิจารณาต่อไป

17.00 น.วันนี้ (21 พ.ค.) พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด เดินทางไปที่ สภ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด เพื่อพบกับ พ.ต.อ พันธ์ศักดิ์ อุปพงศ์ ผกก.สภ.โพนทอง พร้อมกับเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน-สอบสวน และพนักงานสอบสวนและตร. ที่เกี่ยวข้องกับการทำคดี กรณีที่ ด.ต ฉลาด แน่นอุดร สิบเวรยามที่เข้าเวรคืนวันที่ 19 -20 พ.ค.ปล่อยให้นางสาวเสาวลักษณ์ เสมอใจ อายุ 21 ปี ชาว ต.คำนาดี แฟนของนายสุรศักดิ์ คันทมาตร์ และนางสาวไอลดา พลเยี่ยม อายุ 18 ปี ชาว ต.สระนกแก้ว อ.โพนทอง แฟนสาวของ นาย สุรชัย ภูมิภาค เข้ามาเยี่ยมผู้ต้องหาผิดเวลา คือมาเยี่ยมในเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 20 พ.ค.เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนหลบหนีไป ผกก.สั่งให้ตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิด ด.ต. ฉลาด แน่นอุดร สิบเวรยาม ในข้อหาช่วยเหลือให้ผู้ต้องหาหลบหนีจากห้องควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อรับฟังการสรุปและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และกำชับให้ดำเนินการติดตาม2 ผู้ต้องหาที่หลบหนี พร้อมทั้งแฟนสาวทั้ง 2 ของผู้ต้องหามาดำเนินดคี ซึ่งจากการประชุมเครียดเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง จนถึงเวลา 19.00 น.

โดยหลังจากการประชุมแนวทางการทำงานแล้ว ทางด้าน พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การเดินทางมาก็เพื่อวางแนวทางการติดตามจับกุมคนร้ายที่หลบหนีรวม2สาวต้นเหตุของการหลบหนี โดยให้แนวทางการทำงานด้วยการกระจายกันสืบสวนสอบสวน ทุกแง่มุมทั้งด้านการติดตามเบาะแสจากยวดยานพาหนะที่ใช้หลบหนี การติดตามความเคลื่อนไหวด้านการเช็คติดต่อสื่อสารจากการใช้โทรศัพท์ การกำชับให้ประสานการป้องกันการหลบหนีของทั้ง 4 คน ด้านการป้องกันหนีออกนอกประเทศ โดยให้ประสานกับ ตร.ตรวจคนเข้าเมืองทุกด้าน ในจังหวัดตามแนวแม่น้ำโขง เพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ เพื่อบล๊อคการหลบหนี เพราะยังเชื่อมั่นว่า ทั้งหมดยังคงอยู๋ในประเทศไทย และเชื่อว่ายังกบดาน ในภาคอีสาน และกำชับให้จับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนี นอกจากจะใช้กำลังตำรวจในพื้นที่ อ.โพนทองแล้ว ยังสั่งการให้ พ.ต.อ.ประวิทย์ โทหา ผกก.ชุดปราบปรามยาสเพติดของ ภ.จว.ร้อยเอ็ด ที่ทำงานด้านการปราบปรามยาเสพติด เข้ามาร่วมคลี่คลายและติดตามเบาะแส ในกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่มีข้อมูลของกลุ่มต่างๆเพื่อเป็นแนวทางในการตามเบาะแสและแหล่งกบดาน เพื่อการจับกุมผู้หลบหนีมาดำเนินคดีให้ได้


พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า การลงมาพื้นที่ ไม่ได้ ลงมาเพื่อคาดโทษเอาผิดใคร ในเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะทุกอย่างอยู่ในด้านการดำเนินการสอบสวนความผิด และติดตามคดีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำความผิด ก็ต้องว่าไปตามความผิดที่เกิดขึ้น และอันดับแรกคือการลงโทษทางวินัยก่อน ส่วนจะมีการสมคบปล่อยตัวผู้ต้องหาตามที่ปรากฏในคลิปหรือไม่ก็ต้องว่าไปตามความเป็นจริงจากการสอบสวนของคณะทำงาน ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องและเข้าข่ายบกพร่องหรือไม่อย่างไร ก็ต้องรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าใครบกพร่องบ้าง จึงจะมีการดำเนินการต่อไป ส่วนดต.ที่เป็นต้นเหตุให้ผู้ต้องขังหลบหนี สั่งการให้ ผกก.สรุปเรื่องเสนอไปยัง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจารณาว่า อยู่ในข่ายที่ควรจะให้พักการทำงาน เพื่อสอบสวนความผิดด้านอื่นต่อไปหรือไม่ ในขณะเดียวกัน ก็จะมีการออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องพัวพันกับการพาผู้ต้องหาหลบหนี ไนวันพรุ่งนี้ พร้อมกับแจกภาพทุกคนไปยังทุกพื้นที่จับกุมมาดำเนินคดีต่อไป.

Advertisement

ซึ่งการดำเนินการติดตามผู้ต้องหา ที่หลบหนี เราเน้นที่จะจับคนร้ายที่หลบหนีให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก สั่งการให้พื้นที่รายงานคามคืบหน้าของการติดตามและรายงานคามคืบหน้าของผลคดีทุกวัน ซึ่งจากการประชุมสรุปสถานการณ์เชื่อมั่นว่าจะจับกุมตัวได้ไม่ยาก เพราะไม่ใช่ขบวนการเครือข่ายที่ใหญ่โตอะไร เพราะประเมินแล้วเป็นเพียงผู้ค้ายาธรรมดาๆ ที่ไม่มีเครือข่ายโยงใยกับการค้ายา รายใหญ่แต่อย่างใด และเป็นคดีที่เป็นการพยายามหลบหนีธรรมดา ไม่มีความซับซ้อนอะไรมาก ซึ่งเชื่อว่าสามารถจับกุมตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่เกิน 30 วันคงได้ตัวแน่นอน ขอเพียงบล็อกให้อยู่ในพื้นที่โยไม่มีการหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีความเชื่อมั่นว่าจะได้ตัวแน่นอน

ส่วนอันดับรองลงมา คือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กระทำความผิดหรือมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ และใครอยู่ในข่ายจะพัวพัน หรือน่าจะถือว่ามีความบกพร่องต่อหน้าที่ ก็จะสืบสวนสอบสวน ก่อนที่จะสรุปว่าจะดำเนินการกับใครต่อใครบ้าง ที่บกพร่องต่อหน้าที่ ก็ต้องดำเนินการต่อไป เช่นกัน

ทั้งนี้ ด.ต ฉลาด แน่นอุดร สิบเวรยาม ที่เข้าเวรในขณะนั้นได้ชี้แจงว่า เหตุเกิดตอนตี 4 กว่า ขณะที่ตนเองเข้าไปเก็บขยะด้วยการเปิดประตูห้องขังเอาขยะออก และขณะเปิดประตูห้องขังที่มีผู้ต้องหาทั้ง 2 คนอยู่ในห้องขัง ปรากฏว่าแฟนของผู้ต้องหาที่หลบหนี ก็เข้าไปขอเยี่ยม และขอพูดคุยกับผู้ต้องหาแล้วถือโอกาส วิ่งหนีไป ต่อหน้าต่อมา ตนเองพยายามจะวิ่งไล่จับแล้วแต่ก็ไล่ไม่ทัน ตามคลิปที่ปรากฎ และยืนยันว่าเป็นการฉวยโอกาสหลบหนี โดยที่ตนเองไม่มีเจตนา และมีส่วนรู้เห็นแต่อย่างใด

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image