‘วิษณุ’เผย ‘มินิคาบิเนต’ถกยกเครื่องสภาพัฒน์ เร่งกฎหมายอีอีซี

“วิษณุ” เผย มินิคาบิเนต ถก ยกเครื่องสภาพัฒน์ เร่งกฎหมายอีอีซี อำนวยความสะดวกประกอบธุรกิจ

เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 22 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ว่าที่ประชุมได้พิจารณา 3 เรื่อง 1.การปรับแก้กฎหมายเพื่อยกเครื่องโครงสร้างสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จากเดิมที่มีภารกิจ 2 อย่าง คือ 1.การจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พร้อมกับติดตามว่าแต่ละหน่วยงานทำตามแผนดังกล่าว 2.การให้ความคิดเห็นแก่รัฐบาลเวลาที่มีผู้เสนอโครงการต่างๆ เข้ามาในด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเพิ่มภารกิจอีก 2 เรื่อง ได้แก่ 1.ดำเนินการเรื่องเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน คือ การเมืองและการต่างประเทศ การพัฒนากำลังคน การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศหรือเรื่องการประกอบธุรกิจ การส่งเสริมความเสมอภาค ลดความเหลื่อมล้ำและการให้ความเป็นธรรม การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การพัฒนากฎระเบียบต่างทางราชการ 2.การปฏิรูปประเทศ อีกทั้งจะให้มีคณะกรรมการคณะย่อยของ สศช. 7 คณะ ซึ่งเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน และให้มีคณะกรรมการที่จะดำเนินการเรื่องของสิ่งแวดล้อม ผังเมือง การใช้ที่ดิน การใช้น้ำ เพื่อรองรับนโยบายประเทศไทย 4.0

นายวิษณุกล่าวว่า เรื่องที่ 2 การพิจารณาเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวกับโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก อีอีซี ที่ถูกวิจารณ์เกี่ยวกับการให้ต่างประเทศเช่าที่ดิน ซึ่งหน่วยงานเกี่ยวข้องเคยชี้แจงแล้วว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ โดยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ใช้เวลาอีกนานกว่าจะเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณา ระหว่างนี้อาจออกมาตรการบางอย่างเกี่ยวกับบางเรื่องออกมาใช้ก่อน และ 3.เรื่องการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการอนุญาตเรื่องต่างๆเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ ซึ่งนายกรัฐมนตรี สั่งการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลางเพื่อรวบรวมข้อมูลจากทุกกระทรวงสำหรับการจดทะเบียนขอจัดตั้งกิจการให้เสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ ประชาชนสามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มเดียวกับการยื่นขอกับหน่วยงานราชการ โดยใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ดำเนินการผ่านทางศูนย์ดังกล่าวได้เลย เป็นการลดเวลาและขั้นตอนทำให้การอนุมัติคำขอจัดตั้งธุรกิจสะดวกและง่ายขึ้น ทั้งนี้ เมื่อขั้นตอนดังกล่าวเดินไปโดยระบบคอมพิวเตอร์ ก็จะช่วยลดการทุจริตได้ โดยผลประชุมทั้ง 3 เรื่องจะเสนอเข้า ครม.ในวันที่ 23 พฤษภาคมเพื่อให้ความเห็นชอบต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image