เรืองไกร จี้ ป.ป.ช. สอบอรรชกา ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ เป็นเท็จ

เรืองไกร จี้ ป.ป.ช. สอบ อรรชกา ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ เป็นเท็จ

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.กรณีเข้ารับตำแหน่ง พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีของนางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่ามีการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามความในมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 หรือไม่

นายเรืองไกร ระบุว่า นางอรรชกา ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินในตำแหน่งรัฐมนตรีต่อ ป.ป.ช. รวม 3 ครั้ง คือ เมื่อรับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีอุตสาหกรรม และเมื่อรับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ พบว่า มีการแสดงรายการเงินให้กู้ยืมแก่บริษัท รุ่งเรืองมหาเศรษฐี จำกัด จำนวนเงิน 39,333,333 บาท ไว้ด้วย ซึ่งทำให้เข้าใจได้ว่า บริษัทดังกล่าว ต้องมีนางอรรชกา สีบุญเรือง แสดงไว้เป็นเจ้าหนี้ในงบการเงินด้วยยอดเงินที่เท่ากันไว้ด้วย

นายเรืองไกร กล่าวว่า ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเพื่อยืนยันยอดจากข้อมูลของบริษัท รุ่งเรืองมหาเศรษฐี จำกัด ที่ขอมาจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปรากฏว่า ไม่พบการแสดงบัญชีของบริษัทดังกล่าวว่า มีเงินกู้ยืมจากนางอรรชกา สีบุญเรือง แต่อย่างใด โดยงบการเงินตั้งแต่ปี 2556 ถึงปี 2559 ปรากฏว่ามีนางฉฎา สีบุญเรือง เป็นกรรมการเพียงคนเดียว และเป็นผู้ถือหุ้นเกือบทั้งหมด จากจำนวน 500,000 หุ้นๆละ 100 บาท ยกเว้นเพียง 2 หุ้นที่เป็นบุคคลอื่นคนละ 1 หุ้น และจากข้อมูลที่ไม่สอดคล้องกัน จึงมีเหตุที่ต้องร้องขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบต่อไปว่า การยื่นบัญชีทรัพย์สินของนางอรรชกา สีบุญเรือง ต่อ ป.ป.ช. ว่ามีเงินให้กู้ยืมแก่บริษัท บริษัท รุ่งเรืองมหาเศรษฐี จำกัด จำนวนเงิน 39,333,333บาท แต่ในงบการเงินของบริษัทดังกล่าวไม่มีเงินดังกล่าวที่กู้ยืมนั้น จะเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. หรือไม่

Advertisement

นายเรืองไกร กล่าวว่า นอกจากนี้ ขอทวงถามจากป.ป.ช. กรณีที่ตนเคยยื่นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ 2 ราย คือ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่อาจเข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 มาตรา 4 ประกอบมาตรา 11 จากการเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจที่ดินเขาใหญ่ อันเข้าลักษณะเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ แต่จนบัดนี้ยังไม่ทราบผลการตรวจสอบจาก ป.ป.ช. แต่อย่างใด ทั้งที่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายมีความชัดเจนเพียงพอที่จะส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาพิพากษาได้อยู่แล้ว อยากให้นายกรัฐมนตรีและ ป.ป.ช.เร่งดำเนินการในเรื่องเหล่านี้ เพราะขณะนี้ ป.ป.ช.มีการดำเนินการในเรื่องการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินของผู้บริหารท้องถิ่นแล้วหลายร้อยคดี จึงอยากให้ดำเนินการกับตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image