ปณิธาน ชี้ มือบึ้มไม่ใช่สมัครเล่น มีเครือข่าย รูปการณ์หวังผลทางการเมืองสูง

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีการก่อเหตุระเบิด รพ.พระมงกุฏเกล้าว่า ยอมรับว่าคนก่อเหตุเป็นคนที่มีประสบการณ์ มีศักยภาพ และมีเครือข่าย ไม่ใช่มือสมัครเล่น แต่ไม่ได้น่าวิตกกังวลอะไร การก่อเหตุมีพัฒนาการที่สลับซับซ้อน มีรูปการหวังผลทางการเมืองสูง เพื่อให้คนตื่นตระหนกและมีความวิตกกังวล เพราะเป็นการก่อเหตุในสถานที่สาธารณะ ที่เกี่ยวโยงกับการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมไม่มาก จึงเป็นเหตุให้เกิดผลกระทบได้ง่าย และยอมรับว่าฝ่ายความมั่นคงต้องมีการปรับระบบในการทำหน้าที่ อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วและได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อนำเอาข้อมูลมารายงานให้ประชาชนได้ทราบ

นายปณิธาน กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงจะต้องปรับพื้นที่สาธารณะ และพื้นที่สำคัญ พื้นที่ปกติที่เดิมผู้คนคิดว่าโดยปกติรู้สึกว่าจะต้องเอาพื้นที่เหล่านี้มาใช้เป็นเงื่อนไข แม้ว่าจะเห็นชัดว่าในบางกรณีไม่ได้หวังทำร้ายถึงชีวิตแต่เห็นผลกระทบสูงมาก ดังนั้นต้องมาจัดระบบให้ดีขึ้นในการควบคุมพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้ามที่เขามองว่าโจมตีแล้วได้ผลสูง อย่างน้อยคือประชาชนมีความตื่นตระหนก มีความกังวล คนที่ทำงานได้เครดิต คนที่ทำงานในพื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงไปด้วย แต่ในแง่ผลกระทบถือว่าไม่รุนแรงมากนักแต่ประมาทไม่ได้ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้สั่งกำชับให้มีการจัดระบบตั้งแต่ช่วงที่เกิดเหตุที่กองสลากเดิมแล้ว ให้มีความเป็นระบบเพิ่มขึ้น พื้นที่เปิดที่ถือว่าเป็นพื้นที่รวมของทุกฝ่าย เราต้องเข้าไปดู เพราะเขาคงเข้าไปก่อกวนซึ่งเราทราบหมดแล้วว่าอะไรบ้างที่เป็นพื้นที่ละเอียดอ่อน ล่อแหลม

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือเป็นการท้าทาย คสช.หรือไม่ที่เกิดเหตุในวันที่ 22 พฤษภาคม นายปณิธาน กล่าวว่า คงต้องดูข้อเท็จจริง แต่ก็จะกระทบต่อความรู้สึกของคนในแง่การรักษาความสงบเรียบร้อย แม้ผลจริงนั้นจะไม่กระทบกระเทือนต่อในแง่ความสูญเสีย เป็นเรื่องที่เราต้องทำงานเชิงลึกมากขึ้น และหาทางป้องกัน พื้นที่สาธารณะเหล่านี้ ในหลายประเทศเป็นพื้นที่ที่ดูแลยากมาก แต่ของไทยก็นำมาใช้ได้ประสบความสำเร็จระดับหนึ่งในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้เขาเปลี่ยนรูปแบบ เช่น กรณีที่บิ๊กซีปัตตานีที่เขาเปลี่ยนวิธีการให้แยบยลมากขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น มีเครือข่าย เจ้าหน้าที่ต้องเข้าพื้นที่อย่างระมัดระวังมากขึ้น

“เป็นพื้นที่ที่ถือว่าทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกัน และเป็นพื้นที่สากล นานาชาติก็ประณาม และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่สามารถปฏิบัติเช่นนั้นได้ มันผิดหลักการ แต่ยิ่งผิดหลักนั่นแหละก็ยิ่งทำให้คนตื่นตระหนก ทำให้ได้ผลเชิงอื่นๆ” นายปณิธาน กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image