นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม มีการประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการ ปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง(ป.ย.ป.)ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วาระหนึ่งที่มีการหารือคือ
ความคืบหน้าการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) โดยที่ประชุมรับทราบระยะเวลาในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จประมาณเดือนตุลาคม 2560 จากเดิมคาดว่าจะเสร็จกลางปี เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาในการปรับเนื้อหาสาระ ที่ไม่ใช่ประเด็นหลัก อาทิ การปรับแก้ขอบเขตอำนาจของคณะกรรมการนโยบายอีอีซีที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวง คมนาคม สามารถออกระเบียบที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าระยะเวลาที่เลื่อนออกไปจะไม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน เพราะปัจจุบันรัฐบาลมีสำนักงานคณะ กรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่ตั้งขึ้นโดยใช้อำนาจหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ที่เดินหน้า โครงการอยู่ โดยเฉพาะการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ร่วมทั้งชี้แจงประชาสัมพันธ์นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนา ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(กรศ.)เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ และจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายอีอีซี ชุดที่มีนายก รัฐมนตรี เป็นประธานวันที่ 16 มิถุนายนนี้
นอกจากนี้ที่ประชุมป.ย.ป.ยังรับทราบ 3 ประเด็นสำคัญเพื่อสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณา ประกอบด้วย การเร่งรัดกระบวนการศึกษารายงานผลกระทบ ด้านสิ่้งแวดล้อม(อีไอเอ)โดยไม่ข้ามขั้นตอนแต่จะขอเพิ่มกำลังคนที่มีความเชี่ยวชาญร่วมทำการศึกษาโครงการต่างๆ การขอให้ป.ย.ป.ประสานกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง กับโครงการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน(พีพีพี) อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย ในการผลักดันให้พีพีพีประสบความสำเร็จ และการสนับสนุน อุตสาหกรรมอากาศยานและชิ้นส่วนอากาศยาน ซึ่งล่าสุดมีบริษัทชั้นนำด้านอากาศยานที่สนใจลงทุนเสนอขอให้ต่างชาติถือหุ้นสัดส่วนมากกว่า 50% เพราะต้องการ รักษาทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัท โดยการอนุญาตดังกล่าวจะต้องเป็นกลุ่มที่รัฐบาลต้องการให้เข้ามาลงทุน เทคโนโลยีขั้นสูง โดยรัฐบาลจะพิจารณาเป็นรายบริษัท และจะต้องลงทุนในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมอู่ตะเภาเท่านั้น โดยวันที่ 23 พฤษภาคมที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)จะรับทราบความคืบหน้าอีอีซีอีกครั้ง
