นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการติดตามนโยบายการค้าของสหรัฐ ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งคณะทำงานภายในขึ้นมาเฉพาะ เพื่อติดตามดูการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐ เพื่อเตรียมมาตรการออกมารองรับ 2 ส่วนหลัก คือ 1.ติดตามดูกลุ่มที่ให้ข้อมูลกับสหรัฐ ซึ่งให้เข้มงวดกับไทยในบางสินค้า เช่น สินค้ากุ้ง เป็นต้น 2.ดูทิศทางของสหรัฐว่าจะไปทิศทางไหน
เบื้องต้นสหรัฐฯให้ความสำคัญกับการค้าดิจิทัล ด้วยการออกมาตรการที่ต้องทันกับโลกสมัยใหม่ สหรัฐฯยังมองหาการปรับปรุงบทบัญญัติ ทั้งเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา รัฐวิสาหกิจ ภาคบริการ พิธีการศุลกากร สุขอนามัย แรงงาน สิ่งแวดล้อม และเอสเอ็มอี เป็นต้น นอกจากนี้ ไทยจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ (กนศ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีจีนเตรียมประกาศใช้มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) สำหรับสินค้าน้ำตาลทราย ซึ่งจะใช้กับทุกประเทศที่ส่งออกไปจีน โดยขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มจากเดิมอีก 45% ทำให้น้ำตาลนอกโควต้าจะต้องเสียภาษีรวมอยู่ที่ 95% ซึ่งรวมอัตราภาษีเดิมที่กำหนดเรียกเก็บอยู่ 50%
ส่วนน้ำตาลในโควต้าจะยังคงข้อกำหนดจัดเก็บภาษีไว้ที่ 15% เรื่องนี้ยอมรับว่าการส่งออกน้ำตาลของไทยจะได้รับผลกระทบแน่นอน แต่ได้รับผลกระทบน้อยเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง อย่างบราซิล และออสเตรเลีย ที่ต้องเสียค่าขนส่งมากกว่าไทย เนื่องจากอยู่ไกลจีนมากกว่า และหลังจากนี้ผู้ส่งออกไทยอาจจะต้องเร่งการส่งออกน้ำตาลไปจีนผ่านการใช้โควต้าเพื่อลดต้นทุน