ผู้เขียน | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
---|
ลิเกไทย ถ้าอยากให้มีแบบแผนกันนักก็อาจหาได้ โดยสรุปจากคำบอกเล่าของผู้สร้างสรรค์วิกลิเกยุคแรกสุด สมัย ร.5 ว่า
(1) แต่งตัวสวยงาม (2) เล่นสนุกขบขัน (3) เล่นเร็ว ทันใจ
แต่อย่าด่วนทึกทักเอาเองตามชอบใจว่าต้องอย่างโน้น อย่างนี้ อย่างนั้น ถึงจะเรียกลิเกไทย อย่างที่ชอบอ้างกันในปัจจุบัน
เพราะลิเกมีกำเนิดและเติบโตอย่างเข้าถึงลักษณะเสรีสุดๆ ด้วยการแหกคอกนอกครู จากสิ่งที่เรียกอย่างโน้น อย่างนี้ อย่างนั้น ซึ่งแปลว่าไม่มีกรอบนั่นแหละ
ลิเกรำ
คนที่ชอบดูลิเกสมัยก่อนๆ ไม่ได้ต้องการจะดูร้องดูรำ แต่อยากดูเล่นตลกขบขัน รวดเร็ว ทันใจ ไม่เยิ่นเย้อยืดยาด
ต่อมามีลิเกพวกหนึ่งในกรุงเทพฯ จะหาจุดขายของกลุ่มตนว่ารำงามรำสวย จึงขอเรียนท่ารำบางท่าจากครูละครกรมศิลปากร แล้วเรียกคณะของตนให้ต่างไปว่า ลิเกรำ
มากกว่า 50 ปีมาแล้ว เศรษฐีบ้านนอกจ้างลิเกรำราคาแพงจากกรุงเทพฯ ไปเล่นงานศพในวัดสำคัญของดงศรีมหาโพธิ์ จ. ปราจีนบุรี ด้วยคาดหวังว่าจะเป็นที่ถูกอกถูกใจคนดูบ้านนอกที่ได้ดูของดีเลิศจากกรุงเทพฯ
“ลิเกรำ” (ยุคนั้นมีคณะเดียว) หมายถึง ลิเกร้องเอง รำเอง ที่ได้รับยกย่องจากแม่ยกกรุงเทพฯ ว่ารำงามรำสวยเหนือลิเกคณะอื่นๆ ที่รำน้อย หรือไม่รำเลย เพราะรำไม่เป็น ไม่ถนัดรำ และไม่อยากรำ เนื่องจากคนดูไม่อยากดู
หลังงานศพ ชาวบ้านที่ไปดูลิเกงานศพด่ากันพึมว่าลิเกอะไรดูไม่รู้เรื่อง เอาแต่รำทั้งคืน ไม่รู้จักเล่น
ลิเกรู้จักเล่น หรือเล่นเป็น ในความหมายของชาวบ้านคือแต่งตัวสวยๆ เริ่ดๆ เข้าไว้ รำแต่น้อยๆ หรือไม่ต้องรำ ขอให้เล่นมากๆ คือ ร้องกับเจรจาด่าทอ ตลกคะนอง
ลิเกยุคแรกเริ่ม
ลิเกปิดวิกเล่นเป็นที่ทางอย่างถาวร สมัย ร.5 เป็นของพระยาเพชรปาณี อยู่ป้อมมหากาฬ ชานกำแพงพระนคร (ที่กรมศิลปากรปิดปาก ไม่ยอมดูแลรักษาแหล่งประวัติศาสตร์สังคมการละเล่นที่มีกำเนิดในกรุงเทพฯ)
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จไปดูลิเกที่วิกพระยาเพชร แล้วถามด้วยความสงสัยว่าทำไมคนชอบดูลิเก? แล้วทำไมลิเกไม่ค่อยประณีตในกระบวนร้องและรำ? [มีลายพระหัตถ์ พ.ศ. 2483 ในสาส์นสมเด็จ]
พระยาเพชรปาณี เจ้าของวิกลิเกทูลสมเด็จฯ ว่า
“คนที่ชอบดูยี่เกไม่เอาใจใส่ในการขับร้องฟ้อนรำ หรือเพลงปี่พาทย์”, “ชอบแต่ 3 อย่างคือ แต่งตัวสวย, เล่นขบขัน, เล่นให้เร็วทันใจ”, “ถ้าฝืนความนิยม คนก็ไม่ดู”
ผู้หญิงชอบดูลิเกหรูๆ ดึงดูดผู้ชายไปดูผู้หญิง
สมเด็จฯ ถามว่า ทำไมทำเครื่องเล่นลิเกหรูหรานอกรีต เช่น มีโบว์แพรที่บ่า ฯลฯ?
พระยาเพชรฯ ทูลว่าแต่งอย่างนั้นผู้หญิงเห็นว่าสวย มักติดใจ ชอบไปดู เมื่อมีผู้หญิงไปดูมาก พวกผู้ชายก็มักพากันไปดูพวกผู้หญิง
นี่คือการตลาดง่ายๆ ให้คนไปดูลิเกมากๆ ยุคแรกลิเกมีกำเนิดในกรุงเทพฯ สมัย ร.5
แต่การตลาดลิเกยุคนี้ เปลี่ยนไปแล้ว