เสวนา 3 ปี รัฐประหาร เปรียบสังคมไทยเหมือนอยู่ในภาวะ ‘สงครามเย็น’

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 พฤษภาคม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย จัดเสวนา “3 ปี…ไทย ประเทศไทยอยู่ตรงไหนของโลกใบนี้” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ 3 ปี เผด็จการไทย ประเทศไทยอยู่ตรงไหนบนโลกใบนี้ วิทยากรโดย รศ.ดร.ไชยันต์ รัชชกูล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.พะเยา, รศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นายปิยรัฐ จงเทพ นายกสมาคมเพื่อเพื่อน, นายกรกช แสงเย็นพันธ์ สมาชิกกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย

รศ.ดร.ไชยันต์กล่าวว่า ความขัดแย้งของสังคมไทยที่ถึงกับต้องฆ่ากันเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2476 แต่ยุคนั้นมีคนสูญเสียไม่มากเพราะเป็นการเมืองของข้าราชการ จนมาถึง 14 ตุลาคม 2516, 6 ตุลาคม 2519 และพฤษภาคม 2535 แต่ละครั้งจำนวนคนเสียชีวิตยังไม่ถึงร้อย แต่ปี 2553 คนตายเกือบร้อย ตัวเลขคนตายเพิ่มขึ้นในแต่ละเหตุการณ์ น่าเป็นห่วงว่าในอนาคตตัวเลขนี้จะเพิ่มอีกไหม เมื่อโฉมหน้าการเมืองไทยปัจจุบันเปลี่ยนเป็นการเมืองมวลชนที่ทุกหัวระแหงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง ส่วนตัวกลัวว่ารัฐประหารครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย คงมีอีก และกลัวว่าจะมีการเลือดตกยางออกมากขึ้น

“การรัฐประหารปี 2549 และ 2557 ทำลายหลายอย่าง คนที่เป็นใหญ่ในวงการทหารปัจจุบันเติบโตมาจากยุคสงครามเย็น ชูเรื่องความมั่นคงแห่งรัฐสูงสุด ปัจจุบันสงครามเย็นเลิกแล้ว แต่เราจะได้ยินจากคณะที่ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองว่าทำในนามของความมั่นคง ภาวะของสังคมไทยตอนนี้คือเกิดความขัดแย้งทุกหัวระแหงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น เป็นภาวะสงครามเย็น แต่สงครามเย็นก็กลายเป็นสงครามร้อนได้ ได้แต่หวังว่าขอให้อย่าเกิดขึ้น” รศ.ดร.ไชยันต์กล่าว

รศ.ดร.สุธาชัยกล่าวว่า ช่วงการรัฐประหาร 2557 ในโลกนี้มี 5 ประเทศที่ใช้การรัฐประหารแก้ปัญหาทางการเมือง มีไทยประเทศเดียวที่ประสบความสำเร็จ ผลสะท้อนคือประเทศไทยเป็นประเทศล้าหลัง และขณะนี้ไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่อยู่ภายใต้ระบบเผด็จการทหารร้อยเปอร์เซ็นต์

Advertisement

“ก่อนการรัฐประหาร 2557 กลุ่มรัฐบุคคลเสนอให้มีการรัฐประหาร โดยบอกว่าไม่ต้องสนใจต่างประเทศเลย เพราะต่างประเทศต้องรักษาผลประโยชน์ตัวเอง จะคัดค้านเป็นพิธี เมื่อมีรัฐประหารจริงพบว่าความคิดนี้ผิด รัฐประหารไทยจึงเผชิญปัญหาการคว่ำบาตรจากนานาชาติมาแล้ว 3 ปี ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านอาเซียนหลังรัฐประหารก็มึนตึงเป็นอย่างยิ่ง

“คสช.รัฐประหารเข้ามาและสัญญาว่าจะขอเวลา 1 ปี แล้วเลื่อน เคยไปให้สัญญากับญี่ปุ่นว่าจะเลือกตั้งปลายปี 2558 ก็ไม่เกิดขึ้น รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็ไม่มีประชาธิปไตยเลย และเป็นรัฐธรรมนูญที่แก้ไม่ได้ จะสร้างวิกฤตแล้วนำไปสู่การรัฐประหารใหม่” รศ.ดร.สุธาชัยกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งผู้จัดงานว่าภายในงานห้ามมีคำว่า “คสช.-เผด็จการ-รัฐประหาร” เพราะเป็นคำที่มีปัญหาด้านความมั่นคง ทางผู้จัดงานจึงเซ็นเซอร์ชื่องานและข้อความในโปสเตอร์ ในการเสวนาจึงมีการหลีกเลี่ยงการพูดคำดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบร่วมสังเกตการณ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image