สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ประกาศมาตรการเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน โดยสั่งห้ามนำเครื่องรางของขลังรวมทั้งสิ่งของประดับต่างๆไว้บริเวณด้านหน้าของรถ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ขณะที่คำสั่งดังกล่าวทำให้เหล่าคริสตจักรคาทอลิกต่างพากันออกมาคัดค้าน และยืนยันว่าเครื่องรางเหล่านี้มีไว้เพื่อคุ้มครองผู้ขับขี่ท่ามกลางการจราจรที่วุ่นวาย
ข่าวระบุว่า คำสั่งแบนเครื่องรางของขลังดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ ซึ่งนางไอลีน ลิซาดา โฆษกของสำนักงานกำกับดูแลการคมนาคมแห่งชาติของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า คำสั่งแบนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายที่มีเป้าหมายเพื่อกำจัดสิ่งของที่จะทำให้คนขับรถเสียสมาธิในการขับรถ ซึ่งรวมถึงการคุยโทรศัพท์ หรือการส่งข้อความบนมือถือ การแต่งหน้า และการกินอาหารหรือดื่มกาแฟขณะขับรถ
ข่าวระบุว่า การวางหรือห้อยเครื่องรางของขลังไว้หน้ารถเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไปในฟิลิปปินส์ ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่หรือรถมินิบัส โดยชาวฟิลิปปินส์ราว 80 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนทั้งหมดกว่า 100 ล้านคน เป็นชาวคาทอลิก จึงพบเห็นการนำเครื่องรางของศาสนาคริสต์มาติดไว้ที่หน้ารถกันจำนวนมาก
บาทหลวงเจโรมี ซีซิลลาโน เลขานุการฝ่ายกิจการสาธารณะ ประจำสภาคาทอลิกบิชอป แห่งฟิลิปปินส์ กล่าวว่า คำสั่งแบนของทางการฟิลิปปินส์เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ตายด้านและขาดซึ่งสามัญสำนึก เพราะรูปภาพทางศาสนาเหล่านี้ คนขับรถจะรู้สึกปลอดภัยมากกว่า ด้วยพลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะคอยเป็นผู้นำทางและปกป้องผู้ขับขี่
ขณะที่สมาคมพิสตัน ซึ่งเป็นสมาคมผู้ขับขี่และเจ้าของรถจี๊ป ออกมาวิจารณ์คำสั่งแบนของรัฐบาลเช่นกัน โดยระบุว่า จนถึงปัจจุบันยังไม่มีเคยข้อมูลว่าเครื่องรางของขลังหรือเครื่องประดับหน้ารถเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุแต่อย่างใด พร้อมกับเตือนว่า อย่าได้เข้าไปแทรกแซงความศรัทธาที่มีต่อพระเจ้าของผู้ขับรถ
