เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะธรรมยาตรายังอยู่ที่ สปป.ลาว ช่วงเช้าเวลา 09.30 น. คณะเดินทางไปยังวัดหลวง (วัดโพธิรัตนศาสดาราม) ร่วมกันใส่บาตรกับชาวบ้านที่มารอตักบาตรจำนวนมาก โดยมีกิจกรรมคือปลูกต้นศรีมหาโพธิ์
จากนั้นเดินทางต่อไปยังวัดพู เป็นสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ภายในวัดมีบาราย สระน้ำขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึงตัวปราสาท โดยปราสาทแห่งนี้ทางคณะจะใช้จัดกิจกรรมสวดมนต์เจริญจิตตภาวนาด้วย ถือเป็นการสิ้นสุดการธรรมยาตราที่ สปป.ลาว
จากนั้นคณะเดินทางต่อไปยังประเทศกัมพูชา ผ่านด่านหนองนกเขียนของ สปป.ลาว เข้าไปที่ด่านตรอเปียงเกรียล เพื่อเข้าสู่ จ.สตึงแตรง ของกัมพูชา คณะเดินข้ามสะพานเซกร ข้ามแม่น้ำเซกง เพื่อไปยังวัดโปธิเญียน
ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 ถวายองค์พระพุทธเมตตาแด่เจ้าอาวาสวัดโปธิเญียน มอบเสาเสมาธรรมจักร ธงฉัพพรรณรังสี และธงธรรมยาตรา แด่เจ้าคณะจังหวัดสตึงแตรงและผู้ว่าราชการจังหวัดสตรึงแตง โดยคณะพระสงฆ์จะปักกลดและจำวัดดังกล่าวนี้ด้วย
นายบัวลิน วงพะจัน รองเจ้าแขวงจำปาสัก กล่าวว่า ขอแสดงความขอบใจ การจัดกิจกรรมพระพุทธศาสนา 5 ประเทศมีความสำคัญหลายหลักๆ เพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา กิจกรรมครั้งนี้จะเป็นที่จดจำของประชาชน เป็นบทเรียนของชาวพุทธ ทำให้ประชาชนเกิดความเลื่อมใสยิ่งๆ ขึ้นไปอีก สร้างคนให้เป็นคนดี รู้จักบาปบุญคุณโทษ ถ้ามีจัดทุกปีจะเป็นเรื่องดี
นายบัวลินกล่าวต่อว่า ในเออีซีหลายประเทศก็ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค ยิ่งเสริมสร้างให้แต่ละประเทศรู้จักกัน สามารถเชื่อมโยงเรื่องการท่องเที่ยว โครงการนี้สามารถดึงดูดประชาชนเข้ามาร่วม แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก
ด้านนายสมอก กิ่งสดา รองประธานศูนย์แนวลาวสร้างชาติ ตัวแทนรัฐบาลลาว กล่าวว่า ข้าพเจ้าต้องขอบใจพระสงฆ์ 5 ประเทศ และอุบาสก อุบาสิกา โครงการนี้ทำให้เกิดการเสริมสร้างความสามัคคีให้กับ 5 ประเทศมากขึ้น พวกเราจะช่วยกันทำให้พระพุทธศาสนาเข้มแข็งยิ่งๆ ขึ้น ผู้ใดมีจิตศรัทธาในโครงการนี้ขอให้อายุมั่นขวัญยืน