ผู้เขียน | ทวิตตี้ |
---|
เทรนด์สีเขียว หรือการอนุรักษ์ธรรมชาติในเมืองถูกพูดถึงอยู่เสมอ
…คนเมืองมักจะพูดถึงการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เรามักได้ยินการพร่ำบ่นจมหูถึงปัญหา ต้นไม้ริมถนนหนทางในกรุงเทพฯที่ถูกตัดแต่งกิ่งแบบไม่สบายตา
ได้ยินเสียงเรียกร้องอยากได้สวนสาธารณะกลางเมืองเพิ่มขึ้นมากกว่าห้างสรรพสินค้า
ได้ยินคำว่า “อีโค่” มาใช้ราวกับคำไวยากรณ์หน้าคำนามและคำคุณศัพท์
ทั้งหมดคือความพยายามเพิ่มสีเขียวให้เมือง…
สำหรับสังคมเมืองที่มีตึกสูงเป็นองค์ประกอบ ถ้าเราสามารถทำให้ “ตึกในเมือง” ออกมาในแบบใกล้ชิดธรรมชาติ สวยงาม และมีรสนิยม พร้อมกับมีฟังก์ชั่นใช้งานในชีวิตประจำวันได้จะดีแค่ไหน
ที่ผ่านมามีแนวคิดทำ Vertical Forest หรือสวนแนวตั้งบนตึก ไปจนถึงสเกลระดับที่มีการปลูกข้าวบนตึกในญี่ปุ่น มีการนำต้นไม้ดอกไม้ไปจัดสวนตามดาดฟ้าตึกสูงที่นิวยอร์ก แม้แต่บ้านเราก็มีการทดลองทำสวนเกษตร-ดอกไม้บนดาดฟ้าของตึกในสำนักงานเขต กทม.แห่งหนึ่งแล้ว
แนวทางที่ว่าไม่ได้ทำได้ง่ายดายนัก เพราะต้องได้รับการดูแลสม่ำเสมอ ต้องมีผู้ที่เข้าใจวิธีการดูแลต้นไม้และพืชพรรณบนอาคารด้วย
กระนั้นก็มีความพยายามจะ “เล่นใหญ่” ระดับยกป่ามาไว้ในตึกสูงเพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และกรองฝุ่น มลพิษทางอากาศ ผ่านแนวคิดของสถาปนิกชาวอิตาลี ที่ชื่อว่า สเตฟาโน โบเอรี่
ตัวเขานั้นมีประสบการณ์สร้างสวนแนวตั้งในตึกที่ชื่อว่า “บอสโก เวอติเกล” ในเมืองมิลาน และหนนี้เขาจะทำที่เมืองนานกิงในประเทศจีน
สำหรับจีน ถือเป็นประเทศที่มีรายงานมลภาวะและมลพิษเพิ่มสูงขึ้นทุกปีจากสังคมเมืองของจีนที่พัฒนากันแบบพรวดพราด และในทางตอนเหนือเมืองใหญ่ๆ ก็ประสบปัญหามลพิษ หมอกควันอยู่เนืองๆ จนถึงขั้นวิกฤต
โปรเจ็กต์นี้คือการนำต้นไม้และพืชพรรณหลายชนิดขึ้นมาปลูกให้ปกคลุมตลอดทั่วทุกชั้นต่างๆ ของอาคาร ไปจนถึงตามเลาะร่องระเบียง เรียกว่ายิ่งกว่าสวนแนวตั้ง แต่เป็น “ป่า” แนวตั้งคลุมตึกไว้เลย
“ป่าแนวตั้งแห่งนานกิง” นี้ ถูกออกแบบให้เป็นป่าปกคลุมอาคารจำนวน 2 ตึก โดยมีความสูง 200 และ 108 ตามลำดับ ออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานเป็นอาคารแบบมิกซ์ยูส ที่มีโรงแรมหรู และแบ่งพื้นที่เป็นออฟฟิศสำนักงาน ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการ พิพิธภัณฑ์ คลับแบบรูฟท็อปบนดาดฟ้า และมีโรงเรียนสอนสถาปัตย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อยู่ในอาคาร 2 ตึกนี้
สำหรับการปลูกต้นไม้ทั่วอาคารทั้งสองตึกจะใช้ต้นไม้ราว 1,100 ต้น จำนวน 23 สายพันธุ์ ที่เป็นสายพันธุ์ท้องถิ่น และมีพืชพรรณต่างๆ ขนาดเล็กและกลางอีก 2,500 ต้น
มีการคาดการณ์ว่าจะช่วยซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 25 ตันในแต่ละปี และต้นไม้บนอาคารนี้จะช่วยผลิตออกซิเจนได้ถึง 60 กิโลกรัมต่อวัน
ทำขนาดนี้แต่ที่สุด โบเอรี่ให้มุมมองว่า อาจจะยังช่วยไม่ได้มากนัก
เพราะยังเป็นแค่จุดเล็กๆ เพียงจุดเดียว