ใบพัด-ภาณุมาศ ทองธนากุล…โลกที่เปลี่ยนไปหลังการลาออกครั้งสุดท้าย

ถ้าจะให้นึกถึงนักเขียนระดับเบสต์เซเลอร์ของเมืองไทยยุคนี้ ชื่อของใบพัด- ภาณุมาศ ทองธนากุล น่าจะเป็นอีกชื่อหนึ่งที่ติดโผอันดับต้นๆ เพราะหนังสือเล่มดังของเขาอย่าง ‘การลาออกครั้งสุดท้าย’ ที่พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 7 ปีที่แล้ว จนถึงตอนนี้ยอดพิมพ์ก็ยังคงวิ่งอยู่รวมแล้วกว่า 40 ครั้ง !!!

หลังจากห่างหายไปหลายปี วันนี้เขาก็กลับมาพร้อมผลงานเล่มใหม่ ‘คุณคือผู้โชคดี Life is a lottery’ ที่ภาณุมาศบอกว่า เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ชีวิตที่เริ่มตกผลึกมากขึ้น

“เล่มล่าสุดนี้ทิ้งช่วงจากเล่มก่อนหน้าถึงสองปี ทั้งที่ก่อนหน้านี้คลอดหนังสือแทบจะหัวปีท้ายปีเลย แต่ตลอดสองปีที่ผ่านมากลับไม่ได้มีความรู้สึกว่าต้องเขียนอะไรออกมา อาจเพราะยังไม่มีประเด็นใหม่ๆ ที่อยากถ่ายทอด แต่วันหนึ่งขณะที่กำลังจดบันทึกลงสมุดอย่างที่ทำทุกวัน ผมได้ย้อนไปเปิดอ่านสิ่งที่จดๆเอาไว้ มันทำให้ผมคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ผมไม่ได้เกิดมาแบบครอบครัวอื่นๆที่ลูกๆเขาโชคดีกันหลายครั้งยังแอบน้อยใจเลยว่า ทำไมชีวิตเรามันอับโชคได้ขนาดนี้

แต่เมื่อคิดดีๆ สิบปีให้หลังมานี้ มีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับชีวิตผมมากมาย เรื่องนี้กระตุกให้ผมอยากกลับไปสำรวจตัวเองดูว่าผมเปลี่ยนจากคนอับโชค มาเป็นคนโชคดีตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ซึ่งสำรวจไปสำรวจมา ก็ได้หลักคิดมาจำนวนหนึ่ง นั่นจึงเป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้ ทั้งหมดที่ผมรู้เกี่ยวกับการสร้างความโชคดีให้เกิดขึ้นกับชีวิต ผมก็นำมาเขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้” ภาณุมาศกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส

Advertisement

ภาณุมาศเล่าว่าหลังจากที่ประสบความสำเร็จมากอย่างน่าตกใจ เขารู้ตัวเลยว่าจริงๆแล้วนั้นเขาไม่รู้ถึงวิธีรับมือกับสิ่งต่างๆที่ถาโถมมาเลยสักนิด และมีหลายอย่างที่จำเป็นต้องแลกไป

“เหมือนเราเลยต้องรับมือสิ่งต่างๆ ไปเองแบบตามยถากรรม” ว่าพลางหัวเราะ ก่อนอธิบายว่า จริงอยู่ที่ชื่อเสียง เงินทอง โอกาสทางธุรกิจต่างๆ เข้ามาหามากมาย แต่ก็ต้องมีหลายสิ่งที่ต้องเสียไปเพื่อแลกมาด้วย ซึ่งสุดท้ายตัวเราเองก็ต้องเป็นคนเลือกว่าอะไรในชีวิตคือสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างแท้จริง

“เมื่อก่อนสิ่งสำคัญในชีวิตมีหลายอย่างครับ ทั้งชื่อเสียง เงินทอง รถยนต์ ฯลฯ แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญเหลือแค่อย่างเดียวเลย คือ ความสบายใจ จากนี้คงพยายามจะจัดการสิ่งต่างเพื่อให้ความสบายใจเกิดขึ้น” ภาณุมาศอธิบาย นั้นเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดหนังสือเล่มใหม่ขึ้นด้วยประสบการณ์ใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิตหลังจากห่างหายไป 2 ปี

“Life is a lottery เป็นเรื่องที่อยากบอกว่า เราสามารถทำให้โชคดีอยู่ในมือเราได้ เมื่อก่อนไม่เคยเชื่อเรื่องนี้เลย คิดแต่ว่าตัวเองเป็นคนไม่มีโชค ดวงไม่ดีเหมือนคนอื่นๆ แต่เราไม่จำเป็นต้องยอมจำนนต่อโชคชะตา ไม่มีใครโชคร้ายไปตลอดทุกคนมีรางวัลแจ็กพอตของตัวเองที่รอการขึ้นรางวัล เราสามารถลุกขึ้นมาทำชีวิตตัวเองให้ถูกรางวัลแจ็กพอตได้ซักเรื่องแน่ๆ”

เหมือนแจ็กพอตหนึ่งในชีวิตของเขาคือการได้เป็นนักเขียน แม้ว่าเมื่อมาเป็นจริงๆจะต่างจากที่คิดไว้มากก็ตาม

“เมื่อก่อนคิดว่าเป็นนักเขียนคงต้องเขียนทั้งวัน” ภาณุมาศหัวเราะ

“แต่ทุกวันนี้สิ่งที่ทำก็คือ ใช้ชีวิตของเราไป ทำหน้าที่ในแต่ละวันให้ดีที่สุด ซึ่งคำถามที่ผมได้รับจากคนที่สนใจอยากทำงานเขียนหลายๆ คนว่า อยากเป็นนักเขียนแต่ไม่รู้จะเขียนอะไรดี คำแนะนำที่ดีที่ผมเคยได้รับมา และยังใช้การได้ดีคือชีวิตที่จะเอื้อต่อการทำงานด้านนี้อย่างยาวนานคือการไปใช้ชีวิตอย่างลงรายละเอียด แล้วเดี๋ยวประเด็นที่จะเขียนจะมาเอง เราไม่ต้องไปหน้าดำคร่ำเครียดกดดันตัวเองว่าต้องเขียนอะไรซักอย่างออกมา หรือต้องเขียนออกมาเป็นเล่มๆ ให้ได้เอาใจใส่ในการใช้ชีวิต เดี๋ยวไอเดียจะมาแน่นอน”

และอีกแจ็กพ็อตที่ถูกล็อตเตอรีก็คือการที่หนังสือของเขาทุกเล่มโดนใจคนอย่างมาก รวมถึงเล่มล่าสุดที่เริ่มจะขาดตลาดแล้วด้วย

“เราไม่สามารถเดาล่วงหน้าได้เลยว่า สิ่งที่ทำไปจะโดนใจคนในวงกว้างหรือเปล่า เพราะถึงจะตั้งใจอย่างไร เรื่องแบบนี้ก็ไม่สามารถคิดล่วงหน้าได้ว่าเป็นของง่ายๆ ที่เราทำได้ ก็แค่ทำสิ่งที่เรารักไป ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ คงแล้วแต่โชคชะตา นักเขียนทุกคนมุ่งมั่นทำงานกันทั้งนั้น ทุกสำนักพิมพ์ต่างก็หวังว่าหนังสือที่นำออกมาวางจำหน่าย ผู้คนจะให้การสนับสนุน หนังสือทุกๆปกในร้าน ล้วนกำลังรอให้ความนิยมแบบนั้นตกใส่ 

ผมจะรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้รับฟีดแบ็คกลับมาจากคนอ่านมาว่าขอบคุณที่เขียนหนังสือเล่มนั้นๆออกมา เพราะเหมือนกับเรากำลังเขียนเรื่องของเขาอยู่ ผมสัมผัสได้ว่านี่คือการเชื่อมโยงกันระหว่างคนเขียนกับคนอ่าน ถ้าเราเลือกเรื่องตัวเองมาเล่าที่ไม่น่าสนใจ ไม่มีประโยชน์สำหรับเขา เป็นไปได้มากว่าเขาจะรู้สึกว่า ‘นี่มันเรื่องของแก’ ห่วงเรื่องนี้มาก ส่วนตัวผมจะมีเกณฑ์คือคนอ่านรู้แล้วจะมีประโยชน์กับเขาไหม ถ้ามันไม่น่าสนใจและไม่เป็นประโยชน์กับเขา ไม่เขียนก็ได้นะ เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงหลังถึงออกงานน้อยจังเลย เหมือนประสิทธิภาพความถี่น้อยลง แต่รู้สึกว่ามีการเลือกประเด็นได้อยู่มือ”

ภาณุมาศบอกว่าทุกวันนี้เวลาเขาเขียนหนังสือ เขาจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพ่อครัว ที่มุ่งมั่นตั้งใจจะทำอาหารพิเศษสุดให้กับผู้ชิมอาหารของเขา

“ผมใช้เวลาส่วนใหญ่กับการรับรู้สิ่งต่างๆ ในชีวิต เก็บข้อมูล เติม input เข้าสู่สมอง วัตถุดิบที่ได้มาเหมือนการไปจ่ายตลาด นำมาเก็บไว้ในตู้เย็น ถ้าของยังไม่พร้อมจะนำมาผัดมาปรุงก็ไม่เป็นไร รอได้ แต่ถ้าเราสัมผัสได้ว่าเราพร้อมแล้ว สิ่งที่เราสะสมไว้มันจุกอยู่ในใจ อยากจะเล่าเรื่องราวของเราที่จะทำให้เขาได้หัวเราะ ได้ซาบซึ้ง ได้ทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น ก็จะเป็นช่วงเวลาที่เราจะต้องเขียนหนังสือออกมา เหมือนของในตู้เย็นพร้อมได้เวลาเอาของออกมาผัดมาปรุงเสิร์ฟให้กับคนอ่านประทับใจที่สุด”

โลกของภาณุมาศเปลี่ยนไปเยอะมาก ทุกวันนี้สิ่งที่นักเขียนเบสต์เซลเลอร์ทำเป็นงานหลัก คือการดูแลสิ่งต่างๆในบ้านให้ดำเนินไปอย่างปกติในฐานะพ่อบ้าน และใช้เวลาส่วนหนึ่งกับการทำงานอดิเรกที่รัก คือการเขียนหนังสือและไปบรรยายตามคำเชิญ ส่วนอนาคตที่เขาวางไว้ต่อจากนี้  คืออยากสร้างปัจจัยเอื้อเพื่อให้ชีวิตมีความโชคดีเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งโชคดีในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องเงินๆทองๆเท่านั้น

“ขอแค่มีชีวิตที่ราบรื่น สุขภาพตัวเราและคนที่รักแข็งแรง ครอบครัวรักกันดี นี่ก็เป็นความโชคดี และถูกลอตเตอรี่ที่สุดแล้ว”

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image