นายกฯ ยันวันเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแมป และที่รธน. กำหนด เสียงอ่อน “ยังไม่รู้” หลังถูกถามจะลงเลือกตั้งหรือไม่
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการกำหนดวันเลือกตั้งว่า ทำไมจะต้องถามจำเป็นต้องชัดเจนถึงขนาดนั้นเลยหรือ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และเป็นไปตามโรดแมปที่วางไว้ ซึ่งในโรดแมปไม่ได้ระบุวันที่ไว้ เช่นเดียวกับการทำงาน ก็ไม่สามารถกำหนดไว้ในโรดแมปว่าจะต้องเป็นวันไหน เพียงแต่มีการกำหนดปีไว้ และหากมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก็จะต้องขยับออกไป เช่น กรณีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ถ้าไม่มีก็คงจะเร็วกว่านี้ ทุกอย่างยังเดินหน้าไปตามโรดแมปที่วางไว้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลายคนสอบถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ยังไม่รู้เลย ไม่รู้ ไม่รู้”
“สิ่งสำคัญที่อยากให้ทุกคนคำนึงถึง คือถ้าบ้านเมืองยังเป็นอยู่แบบนี้ ทั้งการวางระเบิด การใช้อาวุธสงคราม การทำให้เกิดความขัดแย้งในภาคประชาชน แล้วมีปัญหาเหมือนเดิมที่ผ่านมา แล้วจะเลือกตั้งกันได้หรือไม่ ผมกำหนดไปก็เท่านั้น อยู่ที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกัน เพื่อเดินไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน อย่าให้รัฐบาลเป็นผู้กำหนดทั้งหมด ผมเคยบอกไว้แล้วว่าเร็วที่สุดจะได้อย่างไร แต่ถ้าไม่ได้ประชาชนก็ต้องว่ากันมา ผมบังคับใครไม่ได้ในการเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย ขอร้องว่าอย่ามาอ้างกลับไปกลับมาเสียเวลาเปล่า รัฐธรรมนูญ กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ระยะเวลาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างก็ยังเป็นไปตามนั้นทุกอย่าง เว้นแต่บ้านเมืองไม่สงบสุข”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามตนจะแก้ปัญหา จะทำงานของตนให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขีดความสามารถที่ตนพยายามทุ่มเทให้มากที่สุด ร่วมกับทุกคนในคสช. และครม. ขอฝากส่วนราชการทุกคนที่เข้าใจ ซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจอยู่แล้ว ทั้งข้าราชการรุ่นเก่า และใหม่ ปัจจุบันพยายามปรับตัวเข้าหากัน และร่วมกันคิดพัฒนาประเทศ พวกตนอาจจะแก่ และล้าสมัยไปบ้าง แต่ก็พยายามคิดแบบคนรุ่นใหม่ และหลายเรื่องก็ใช้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำงาน เพราะตนทำงานให้คนรุ่นใหม่ และรักษาสถานภาพคนรุ่นเก่าให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขอให้เข้าใจการทำงานต้องมียุทธศาสตร์ทั้งระยะสั้น กลาง ยาว และอาจจะต้องแก้กฎหมาย และไม่ใช่สั่งได้ทุกอย่างด้วยมาตรา 44 มันใช้ได้แค่บางประเด็น และอย่ามองว่าเป็นเรื่องของการบังคับ เพียงแต่เราต้องการให้ทุกอย่างเดินหน้าได้
