เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอ่างทอง ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง พระสำเริง เนตรขยาย อายุ 53 ปี พระลูกวัดกำแพงมณี ต.ห้วยคันแหลน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง นำรูปถ่ายมิฉฉาชีพที่ก่อเหตุในท้องที่ สภ.หนองบัวลำภู เดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจาก น.ส.ปัญจรัตน์ วัฒนถาวร ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอ่างทอง ว่าถูกมิจฉาชีพนำบัตรประชาชนที่เคยแจ้งหายที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2557 นำไปใช้ขึ้นเงินสด จากการนำลอตเตอรี่ที่ถูกแก้ไขเลขไปขึ้นรางวัลตามที่ต่างๆ หลายจังหวัด
เบื้องต้น ตอนนี้พระสำเริงถูกหมายเรียกจาก สภ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมาในข้อหาปลอมเอกสาร (เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2559) จาก สภ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ข้อหาฉ้อโกง (เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2559 และวันที่ 30 ธ.ค. 2559) พื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด และสุดท้ายที่ สภ.เมืองหนองบัวลำภู รวม 5 ฉบับ เป็นเงินที่มิจฉาชีพนำลอตเตอรี่ปลอมไปขึ้นเงินกว่า 200,000 บาท
พระสำเริงกล่าวว่า ตนทำบัตรประชาชนเก่าหายแล้วได้แจ้งความบัตรประชาชนหายที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2557 ต่อมาได้มาบวชเป็นพระภิกษุที่วัดกำแพงมณี ต.ห้วยคันแหลน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง จนมีหมายเรียกจาก สภ.ต่างๆ ให้มารับข้อกล่าวหา ซึ่งตนมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“มิจฉาชีพได้นำบัตรประชาชนของอาตมาที่เคยแจ้งหายไปขึ้นเงิน โดยแก้ไขตัวเลขลอตเตอรี่ไปขึ้นเงินตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งอาตมาต้องเดินทางไปตามจังหวัดต่างๆ ที่ถูกหมายเรียก โดยตอนนี้อาตมาก็ป่วยจนไม่สามารถเดินทางไกลได้อีก ซ้ำร้ายค่าเดินทางแต่ละครั้งต้องมีค่าใช้จ่ายสูงอีกด้วย จึงต้องมาร้องศูนย์ดำรงธรรมให้ช่วย”
ด้าน น.ส.ปัญจรัตน์ วัฒนถาวร ผอ.ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่าได้ประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทอง ได้ให้พระสำเริง แจ้งความเอาผิดกับมิจฉาชีพที่ก่อเหตุในท้องที่ สภ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู ที่แม่ค้าลอตเตอรี่ถ่ายไว้ (ตามรูปถ่าย) ซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน ที่ก่อเหตุทั้ง 5 จังหวัด พร้อมจะประสาน สภ.ต่างๆ ที่มีคดีของพระสำเริง ว่าจะช่วยเหลือกันอย่างไรต่อไป