อย่าให้เป็นแม่สายบัวแต่งตัวเก้อ : โดย เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์

ครบรอบ 3 ปีของการประชาธิปไตยยึดอำนาจไปจากประชาชน 4 วันแล้ว เป็น 3 ปีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดการยกร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 แล้วเสร็จ ประกาศใช้ไปเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560

ขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่ว่าด้วยการเลือกตั้ง ซึ่งต้องใช้เวลา 240 วัน นับจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญ

ระหว่างนี้มีรายละเอียดของระบบการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง วิธีการเลือกตั้ง ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องผ่านการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ทั้งมีสมาชิก 2 ประเภท คือที่ผ่านการเลือกตั้งโดยตรง และผ่านระบบบัญชีรายชื่อ

ส่วนสมาชิกวุฒิสภายังไม่แน่นอนว่าจะมีขั้นตอนอย่างไร แต่ไม่ใช่การเลือกกตั้งเช่นที่เคยมีมาครั้งหนึ่ง

Advertisement

ขณะที่รัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี เท่าที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาน่าจะเป็นว่า “นายกรัฐมนตรี” จะเป็น “คนนอก” คือไม่ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาก็ได้

นับจากวันนี้ อย่างน้อยภายในปี 2561 กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้งน่าจะเสร็จก่อนกำหนด และรัฐบาลน่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งได้

ย้อนกลับไปสู่อดีต ยุคสมัยที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ปฏิวัติ 2 ครั้ง และขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเองนานถึง 7 ปี หลังจากอสัญกรรม ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตกอยู่กับจอมพลถนอม กิตติขจร อีก 4 ปี กระทั่งมีรัฐธรรมนูญเปิดให้มีการเลือกตั้งครั้งหนึ่ง จากนั้นจอมพลถนอม กิตติขจร ปฏิวัติตัวเอง แล้วตั้งตัวเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

Advertisement

เป็นเหตุก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่นิสิตนักศึกษาและประชาชนทั่วไปที่เมื่อระบอบประชาธิปไตยจะเริ่มเดินหน้ากลับชะงักงันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากขาดหายไปเนิ่นนานกว่า 10 ปี

ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งรุ่นใหม่ คือบรรดานิสิตนักศึกษาต่างรวมตัวกันประท้วงเรียกร้องรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดการเลือกตั้ง ประเทศจะได้เดินหน้าเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่กลับถูกจับกุมคุมขังกระทั่งเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ดังที่ทราบกันดี

แม้หลังจากนั้น ผู้กุมอำนาจด้วยกระบอกปืนจะหวนกลับมายึดอำนาจอีกครั้งหนึ่ง ด้วยไม่ต้องการเห็นระบอบประชาธิปไตยในรูปแบบอื่น จึงใช้อำนาจยึดคืนประชาธิปไตย ซึ่งในที่สุดเมื่อนิสิตนักศึกษาไม่สามารถทนการคุกคามจากผู้ยึดอำนาจรัฐ จึงหลบหนีเข้าป่า

เมื่อการเมืองการปกครองเริ่มคลี่คลายกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง จาก พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ นายกรัฐมนตรี นิรโทษกรรมนิสิตนักศึกษาที่ถูกจับกุมในเหตุการณ์ 6 ตุลา 19 หลังจากนั้น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี จึงออกคำสั่งที่ 66/23 ให้นิสิตนักศึกษาและประชาชนทั่วไปกลับออกจากป่ามาเป็น “ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย”

ประชาธิปไตยจึงเริ่มเดินหน้าอีกครั้ง จากที่ประชาชนมีสิทธิมีเสียงเลือกตั้งรัฐบาลด้วยตัวเอง ซึ่งไปไม่ได้กี่น้ำ ด้วยเหตุที่นักการเมืองถูกกล่าวหาว่า “ซื้อสิทธิ” ประชาชนถูกกล่าวหาว่า “ขายเสียง” และผู้เข้ามามีอำนาจทางการเมือง “ทุจริตเชิงนโยบาย” การยึดอำนาจจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

หลังจากมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่นักการเมืองด้วยกันกลับไม่เห็นว่าอำนาจทางการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งเป็นเรื่องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จึงจัดการเดินขบวนประท้วงและขับไล่รัฐบาลแล้วเรียกร้องให้ทหารกลับเข้ามายึดอำนาจอีกครั้งหนึ่ง

ถึงวันนี้ ครบ 3 ปีแล้ว วี่แววที่จะให้มีการเลือกตั้งยังเพียงเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ ไม่รู้ว่า จะมีนักการเมืองรุ่นนั้นยังไม่อยากให้มีการเลือกตั้งอยู่หรือไม่

หรือยังขยาดอยู่ว่า เลือกตั้งทีไรแพ้ทุกที สู้รอให้ใช้วิธี “ลากตั้ง” ไม่ได้ จริงไหมครับคุณพี่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image