“พีซีซี”รอด ฮั้วประมูล-ฉ้อโกง คดีสร้างโรงพัก396แห่ง อสส.ชี้ขาด ปี59 สั่งไม่ฟ้อง

ความคืบหน้าคดีโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ(ทดแทน) 396 แห่ง งบประมาณ 5,848 ล้านบาท ภายจากเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2556 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ในขณะนั้น แถลงข่าวเกี่ยวกับการทำความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ โดยดีเอสไอได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนพบว่ามีการกระทำความผิด และได้มีความเห็นทางคดีควรสั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาบริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด, นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล, นายวิศณุ วิเศษสิงห์ และนายจตุรงค์ อุดมสิทธิกุล เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-4 ผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา และมีความเห็นควรสั่งฟ้องบริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด, นายพิบูลย์ อุดมสิทธิกุล และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันโดยทุจริตทำการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐโดยรู้ว่าราคาที่เสนอนั้นต่ำกว่าปกติ หรือเสนอผลประโยชน์ตอบแทนสูงกว่าความเป็นจริงฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542(พ.ร.บ.ฮั้ว) มาตรา 8 และดีเอสไอได้ส่งความเห็นไปยังพนักงานอัยการ เพื่อมีคำสั่งว่าจะเห็นตามดีเอสไอ หรือมีคำสั่งไม่ฟ้อง

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อดีตอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า สำหรับคดีดังกล่าว ดีเอสไอ มีความเห็นควรสั่งฟ้องบริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด กับพวกมา 2 เรื่องคือ ฮั้วประมูล และฉ้อโกง ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง และมีความเห็นแย้งมาจากอธิบดีดีเอสไอจริง โดยอัยการสูงสุดในขณะนั้นมีความเห็นชี้ขาดและแจ้งคำสั่งกลับไปยังดีเอสไอเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม2559 โดยชี้ขาดสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา

“ถือเป็นการชี้ขาดตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 เนื่องจากพิจารณาแล้วไม่ผิดตามข้อกล่าวหา ส่วนสำนวนที่เกี่ยวเนื่องกันกับคดีที่อยู่ในมือ ป.ป.ช.ส่งมายังอัยการหรือไม่นั้น ยังไม่มีใครทราบเรื่อง”นายอรรถพลกล่าว

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม เปิดเผยว่า นอกจากอัยการสั่งไม่ฟ้องในข้อหาฉ้อโกงและฮั้วประมูลแล้ว ในส่วนของบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัดยังมีคดีที่เกี่ยวโยงกับคดีการจัดสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ที่อยู่ในการพิจารณาของอัยการ อีก 1 เรื่อง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าเป็นคดีอะไร ขณะที่ในส่วนถึงคดีที่เกี่ยวเนื่องกันกับการสร้างโรงพัก 396 แห่งที่มีการกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กับพวก กรณีกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต กรณีปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396แห่ง ที่อยู่ในชั้น ป.ป.ช. นั้น ยังไม่พบว่ามีคดีเหล่านั้นอยู่ในชั้นอัยการแต่อย่างใด ส่วนสำนวนคดีฉ้อโกงธนาคารออมสิน ที่มีข่าวในขณะนั้นว่า ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของดีเอสไอ ก็ยังไม่ส่งสำนวนมาให้อัยการสูงสุด

Advertisement

ด้าน นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ นายสุเทพ กล่าวยืนยันว่า คดีโรงพัก 396 แห่งนั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช. ล่าสุดได้ส่งคำชี้แจงเพิ่มเติมไปยัง ป.ป.ช. เป็นไปได้ว่าอาจต้องมีการสอบเพิ่ม แต่ในปัจจุบันยังไม่ได้มีการชี้มูลความผิด หรือแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายสุเทพแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี มีรายงานจาก ป.ป.ช.ในขณะนั้นว่าในส่วนของ นายอภิสิทธิ์ ยังไม่พบพยานหลักฐานว่านายอภิสิทธิ์เป็นผู้อนุมัติและรับทราบในการสั่งการ ในการเปลี่ยนแปลงสัญญาการจัดจ้างแต่อย่างใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image