นายกฯ เปิดตัวกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐจังหวัดสงขลา

นายกฯ เปิดตัวกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐจังหวัดสงขลา พร้อมอนุมัติวงเงินกองทุน / สินเชื่อ กว่า  22  ล้านบาท  นำร่อง  4  กิจการ

นายสมชาย  หาญหิรัญ  ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม  ฐานะประธานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ในนามประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว. หรือ SME Development Bank) เปิดเผยว่า  ในวันนี้ (24 พ.ค. 2560) ธพว. ในฐานะหน่วยงานร่วมในการบริหารงานโครงการกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ  ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐลงพื้นที่จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “คลินิกเอสเอ็มอีสัญจรแนวประชารัฐ”  เปิดตัวโครงการกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ  นำร่องที่แรกจังหวัดสงขลา  โดยได้รับเกียรติจากนายกรัฐมนตรี  พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา กล่าวมอบนโยบาย “การช่วยเหลือเอสเอ็มอีของรัฐบาล” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจการดำเนินงานของภาครัฐ  แก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปในพื้นที่ภาคใต้

เบื้องต้น  ธพว. ได้ผลักดันลูกค้าธนาคารเข้าสู่แหล่งทุนเป็นผลสำเร็จ  จำนวน  4 ราย วงเงิน 12  ล้านบาท และวงเงินสินเชื่อ SMEs Transformation Loan จำนวน 10 ล้านบาท  รวมวงเงิน 22 ล้านบาท  โดยมี นายพสุ โลหารชุน  อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม  นายทรงพล  สวาสดิ์ธรรม  ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา  ให้การต้อนรับพร้อมหน่วยงานพันธมิตร  ผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียง  ณ โรงแรมหรรษาเจบี  หาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา    พร้อมกันนี้ ธพว. ยังได้ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลและเยี่ยมชมกิจการชุมชนเกาะยอ ชุมชนนำร่องเพื่อพัฒนาเป็น“หมู่บ้าน CIV” หรือ หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์  โครงการสร้างสรรค์อุตสาหกรรมเชิงวัฒนธรรม  โดยกระทรวงอุตสาหกรรม หวังต่อยอดยกระดับเป็นสถานที่พักผ่อนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ระดับไฮเอนด์

Advertisement

จังหวัดสงขลากำหนด Rubber City เป็นยุทธศาสตร์หลักในการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่ โดยได้รับอนุมัติวงเงินจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐจังหวัดสงขลาและสินเชื่อ SME Transformation Loan   จำนวน  2 ราย  วงเงินอนุมัติรวม  16  ล้านบาท   ประกอบด้วย 1) บริษัท เอ.บิล.อาร์ท.อินดัสเตรียล จำกัด ลูกค้าเดิมของ ธพว. สาขาหาดใหญ่  ผู้วิจัยและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ (ปะเก็นเหล็กเคลือบยางพารา)  ซึ่งนำยางพาราวัตถุดิบหลักที่มีในพื้นที่มาพัฒนาจนสามารถเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้กระจายสู่เกษตรกรในชุมชน มีระบบการบริหารจัดการแบบ Real Time ปัจจุบันขยายตลาดไปจำหน่ายที่ประเทศมาเลเซีย ประเทศเมียนมา  โดยบริษัทได้รับอนุมัติวงเงินจากกองทุน จำนวน 3 ล้านบาท และได้รับอนุมัติสินเชื่อ SMEs Transformation Loan จำนวน 10 ล้านบาท   เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักร   ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต    รองรับการขยายตลาดส่งออกจำหน่ายยังประเทศเวียดนามต่อไป      รายที่ 2)  บริษัท โกร รับเบอร์ ลาเท็กซ์ จำกัด  กลุ่มผู้ประกอบการ Startup ที่นำผลงานวิจัย “อุปกรณ์รองช่วยลดความดันในส้นเท้าทำจากยางธรรมชาติ” มาพัฒนาต่อยอด  ผลิตและจำหน่ายยางรองส้นเท้ายางพารา  ผ่านการอบรมโครงการ NEC  กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) และศูนย์บ่มเพาะ UBI ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.)  เน้นใช้ยางพาราในพื้นที่เป็นวัตถุดิบหลัก เพื่อลดปัญหาต้นทุนการขนส่งและยังช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร  บริษัทมีที่ตั้งโรงงานอยู่ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ของจังหวัด  โดยได้รับอนุมัติวงเงินกองทุน จำนวน 3 ล้านบาท  เพื่อปรับเปลี่ยนซื้อเครื่องจักรพร้อมไลน์การผลิตรองเท้าแตะ รองรับการขยายตลาดผลิตรองเท้าแตะจากยางพาราต่อไป

จังหวัดสุราษฎร์ธานีกำหนดยุทธศาสตร์ตามวิสัยทัศน์จังหวัดคือ “เมืองเกษตรกรคุณภาพ การท่องเที่ยวยั่งยืน สังคมเป็นสุข”     โดยได้รับอนุมัติวงเงินกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐจังหวัดสุราษฎร์ธานี  จำนวน 2 ราย วงเงินอนุมัติ  6 ล้านบาท ประกอบด้วย 1)บริษัท สุราษฎร์อินเตอร์ทัวร์ จำกัด  ธุรกิจท่องเที่ยวโรงแรมและที่พัก “แพ 500 ไร่” ลูกค้าเดิมของ ธพว. ที่ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากธนาคารและภาครัฐจนประสบความสำเร็จ  สามารถพัฒนายกระดับเป็นแหล่งพักผ่อนเชิงอนุรักษ์ระดับไฮเอนด์ พลิกโฉมการท่องเที่ยวในท้องถิ่นอย่างครบวงจร เน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ยั่งยืน ทั้งด้านธรรมชาติ วิถีชีวิต โดยได้รับอนุมัติวงเงินกองทุน จำนวน 3 ล้านบาท เพื่อนำไปต่อยอดสร้างศูนย์จำหน่ายสินค้าพื้นเมืองช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งอาจจะขยายต่อเนื่องไปถึงศูนย์การเรียนรู้และฝึกวิชีพในอนาคต

รายที่ 2)บริษัท ซีการ์เด้น แอนด์ สปา ธุรกิจท่องเที่ยวโรงแรมและที่พัก ปัจจุบันมี 2 สาขา สาขาแรกตั้งอยู่ในย่านสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก “ฟูลมูนปาร์ตี้” หาดริ้น มีกลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าที่ชอบความบันเทิง ต้องการความสนุกสนาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ  สาขาสองตั้งอยู่ในพื้นที่การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ สภาพแวดล้อมสงบเงียบ กลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าที่ต้องการพักผ่อน  ไม่ต้องการความเร่งรีบ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคู่รัก ครอบครัว  โดยโรงแรมทั้ง 2 สาขา       ให้การสนับสนุนสินค้าจากชุมชนท้องถิ่นมาวางจำหน่ายเป็นของที่ระลึก  ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ส่งผลให้แหล่งชุมชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น  ชุมชนมีการพัฒนารูปแบบสินค้าอย่างต่อเนื่อง  และบริษัทยังเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาคมโรงแรมเกาะพะงัน  เพื่อเป็นแหล่งให้บริการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเกาะพะงันอีกทางหนึ่งด้วย  บริษัทได้รับอนุมัติวงเงินกองทุน  จำนวน 3 ล้านบาท เพื่อนำไปขยายสร้างห้องพักยกระดับให้บริการรูปแบบพรีเมียม

Advertisement

นอกจากนี้ ธพว. ยังเดินหน้าสานต่อภารกิจหลักการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาผู้ประกอบการ  ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลพร้อมเยี่ยมชมกิจการชุมชนเกาะยอ  เพื่อหาแนวทางเบื้องต้นในการส่งเสริมและพัฒนายกระดับการท่องเที่ยว  ซึ่งจะดำเนินการร่วมกับผู้ประกอบการและหน่วยงานพันธมิตรในท้องถิ่น  สอดรับกับนโยบายภาครัฐที่จัดทำโครงการสร้างสรรค์อุตสาหกรรมเชิงวัฒนธรรม  ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรม  ที่น้อมนำแนวพระราชดำรัส รัชกาลที่ 9 เรื่องการพัฒนาคน มาเป็นหัวใจในการสร้างฐานรากชุมชนให้แข็งแกร่งเป็นภูมิคุ้มกันให้กับชุมชนจากข้างใน  ซึ่งเกาะยอหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าขุมทรัพย์กลางทะเลสาบ  เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์  มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายเป็นเอกลักษณ์  มีวัฒนธรรมพื้นบ้านที่มีเสน่ห์ ชาวเกาะยอส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรแบบไม่ใช้สารเคมี 100%  ผลผลิตที่ได้จึงมีคุณภาพและจะวางจำหน่ายภายในชุมชนก่อน เหลือจึงจะกระจายออกนอกพื้นที่ เกาะยอจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกสถานที่หนึ่ง  ที่มีศักยภาพสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนเชิงอนุรักษ์ระดับไฮเอนด์  เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างแน่นอน

“การจัดงานครั้งนี้เป็นโครงการการผสานความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐ  เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดสงขลา และใกล้เคียง เข้าถึงแหล่งความรู้ควบคู่เงินทุนอย่างเป็นรูปธรรม  ต่อยอดให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้  ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายภาครัฐตามแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ  ที่ต้องการกระจายโอกาสให้เข้าถึงทุกพื้นที่  เพื่อพัฒนายกระดับศักยภาพผู้ประกอบการให้มีความเข้มแข็ง  มีความสามารถในการแข่งขัน  พัฒนาวิถีชีวิตให้ก้าวทันเทคโนโลยีและนวัตกรรมยุค Thailand 4.0 โดยคงพื้นฐานความเป็นอยู่แบบดั้งเดิม   ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มแรงงานในท้องถิ่นมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดปัญหาการทิ้งที่อยู่อาศัย ลดภาวะการเกิดแรงงานหนาแน่นในเมืองอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ได้เป็นอย่างดี เมื่อต้นน้ำธุรกิจมีความแข็งแกร่ง กลางน้ำและปลายน้ำก็จะเกิดความมั่นคงยั่งยืนตามไปด้วย”นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติม

ทั้งนี้ โครงการกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงินกองทุน 20,000 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่จดทะเบียนในรูปแบบของนิติบุคคล อัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อปี  ตลอดอายุสัญญา  ระยะเวลาชำระคืน 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 3 ปี   ไม่ต้องมีหลักประกัน ให้กู้สูงสุด 10 ล้านบาทต่อราย และ 75% ขึ้นไปจะเป็นวงเงินกู้ไม่เกิน   3 ล้านบาทต่อราย  โดยธุรกิจต้องอยู่ในกลุ่มยุทธศาสตร์ของแต่ละจังหวัด  ขณะนี้แต่ละจังหวัดจะเริ่มทยอยพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไปบ้างแล้ว  สินเชื่อ SMEs Transformation Loan  วงเงิน 15,000 ล้านบาท  เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่จดทะเบียนในรูปแบบของนิติบุคคล  ที่ได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่ทำให้กิจการมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อความเข้มแข็ง  อัตราดอกเบี้ยต่ำ 3%  3 ปีแรก ปีที่ 4-7 คิดอัตราดอกเบี้ย MLR ปกติของธนาคาร  ระยะเวลาชำระคืน 7 ปี  สามารถใช้ บสย. ค้ำประกันได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์

นอกจากนี้ภายในงานยังมีบรรยายพิเศษ อาทิ การสนับสนุนและช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, แนวทางการดำเนินงานศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือ SMEs (SME Support & Rescue Center), การดำเนินงานช่วยเหลือเอสเอ็มอีทางด้านการเงิน และการบรรยายเรื่อง “ทำอย่างไรถึงได้รับสินเชื่อ (กองทุน)” โดย ประสบการณ์จริงจากผู้ประกอบการที่ได้รับบริการสินเชื่อจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ  รวมถึงกิจกรรมเปิดบูธเผยแพร่บริการและคลินิกเอสเอ็มอีจากหน่วยงานพันธมิตร ซึ่งผู้ประกอบการที่สนใจยื่นกู้หรือต้องการคำปรึกษาแนะนำ  สามารถแจ้งความประสงค์ได้ภายในงาน

ผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ท่านสามารถแสดงความประสงค์ยื่นคำขอได้ที่ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด  ศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือ SMEs (SME Support & Rescue Center) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ธพว.  สำหรับสินเชื่อ SMEs Transformation Loan หรือสินเชื่ออื่นๆ ของธนาคาร สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357  หรือ ธพว.ทุกสาขาทั่วประเทศ และติดตามกิจกรรมดีๆ ผ่านช่องทาง  facebook.com/SMEDevelopmentBank

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image