กกต.ปัดแสดงความเห็นชงศาลวินิจฉัยปมจัดเลือกตั้งเสร็จ150 วัน ชี้ ยังไม่มีการหารือ

ศุภชัย สมเจริญ

ปธ.กกต.ปัดแสดงความเห็นชงศาลรธน.วินิจฉัยปมจัดเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ 150 วัน ชี้ กกต.ยังไม่มีการหารือ ด้านที่ประชุมคณะที่ปรึกษากม.กกต. ระบุ รธน. มาตรา 93,94 เขียนรับม. 268 จัดเลือกตั้งแล้วเสร็จ 150 วันไม่รวมระยะเวลาประกาศรับรองผล

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการกกต. เตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 150 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 หมายรวมถึงการรับรองผลการเลือกตั้งด้วยหรือไม่ ว่า ตนไม่ขอให้ความเห็นในเรื่องนี้ แต่เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้มีการหารือในที่ประชุมของกกต. ยังไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ โดยเรื่องนี้หากระยะเวลา 150 วันไม่รวมถึงการรับรองผลการเลือกตั้ง กกต.ก็ทำงานได้สะดวก พรรคการเมืองก็สะดวก แต่หากบีบในระยะเวลาสั้นๆทุกอย่างก็จะถูกล็อคตามกรอบเวลา ก็จะเป็นเรื่องที่ลำบากหากเกิดปัญหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของกกต.เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมาที่มีนายสุรินทร์ นาควิเชียร อดีตรองประธานศาลฎีภา เป็นประธาน และนายประวิช รัตนเพียร เป็นตัวแทนกกต. เข้าร่วมประชุมด้วย ที่ประชุมคณะที่ปรึกษาฯได้ให้ความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวตามที่กกต.ขอ โดยเห็นตรงกันว่า ระยะเวลาดังกล่าวเป็นกระบวนการในการกำหนดวันเลือกตั้งและการจัดการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่นับรวมระยะเวลาในการประกาศผลการเลือกตั้งจนเสร็จสิ้นเนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 94 กำหนดไว้ว่า ภายใน 1 ปีนับจากวันเลือกตั้ง ถ้าต้องมีการเลือกตั้งส.ส. ในเขตเลือกตั้งใด เพราะเหตุการเลือกตั้งในเขตนั้นมิได้เป็นโดยสุจริตเที่ยงธรรม และมาตรา 93 ที่กำหนดว่าถ้าการเลือกตั้งยังไม่แล้วเสร็จ หรือยังไม่ประกาศผลการเลือกตั้งครบทุกเขตเลือกตั้งไม่ว่าด้วยเหตุใด การคำนวนจำนวนส.ส.แต่ละพรรคที่พึงมีพึงได้รับให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการที่พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.กำหนดนั้น 2 มาตรานี้กล่าวถึงกระบวนการในการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งแปลถึงการประกาศผลครั้งแรกต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ซึ่งจะยังไม่จบสิ้นกระบวนการในการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง โดยอาจมีการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่และประกาศผลใหม่จนกว่าจะครบ 100เปอร์เซ็นต์

ส่วนประเด็นที่กกต.ขอหารือว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.ของสนช. มีการแก้ไขมาตรา 26 โดยตัดอำนาจกกต.คนเดียวสามารถสั่งระงับยับยั้งการเลือกตั้งในหน่วยหรือเขตเลือกตั้งได้ โดยให้อำนาจดังกล่าวเป็นของกกต.ทั้งคณะนั้น ที่ประชุมคณะที่ปรึกษากฎหมายเห็นตรงกันว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 224 วรรคท้ายได้บัญญัติโดยใช้คำว่า “ให้กกต.แต่ละคน”ที่พบเห็นกากรระทำผิดในหน่วยหรือเขตเลือกตั้งใด สามารถสั่งระงับยับยั้งได้ ดังนั้นในร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.ก็จำเป็นต้องบัญญัติให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และประเด็นที่กกต.ขอหารือว่าในมาตรา 27วรรคสองของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.ที่บัญญัติให้กกต.ดำเนินการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน่วยงานของรัฐเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นภายใต้การควบคุมของกกต. เป็นการตัดอำนาจกกต. ในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 224 ( 1) ซึ่งใช้คำว่ากกต.มีหน้าที่และอำนาจ “จัด” หรือ ดำเนินการให้มีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมคณะที่ปรึกษากฎหมายก็เห็นว่า เนื้อหาตามร่างมาตรา 27 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต. เป็นไปตามเจตนารมณ์มาตรา 224 ( 1)ของรัฐธรรมนูญแล้ว และไม่ได้เขียนห้ามกกต.ในการที่จะเป็นผู้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นเอง โดยทั้งสองประเด็นดังกล่าวในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯของสนช. ผู้แทนของกกต.สามารถขอสงวนคำแปลญัตติได้ ซึ่งทางสำนักงานก็จะได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายเสนอต่อที่ประชุมกกต.พิจารณาต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image