บิ๊กเจี๊ยบ ชี้ “โกตี๋” อยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัยบึ้มรพ. จ่อปัดฝุ่นคดีอาวุธขึ้นศาลทหาร(คลิป)

“บิ๊กเจี๊ยบ” แจง ตร.เร่งติดตาม ก๊วน บึ้ม รพ.พระมงกุฎ เผย โกตี๋ อยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัย จ่อ ปัดฝุ่น คำสั่ง คดีอาวุธสงคราม กลับขึ้นศาลทหาร

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 25 พฤษภาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ) กล่าวถึงความคืบหน้าจับกุมผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ว่า คดีมีความคืบหน้าพอสมควร มีพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ และภาพจากกล้องวงจรปิด จนได้ข้อมูลพอสมควร โดยทางตำรวจได้ดำเนินการติดตามผู้ต้องสงสัย คาดว่า มีโอกาสได้ตัวในอนาคต ในส่วนคดีความเป็นหน้าที่ของตำรวจ หากรู้ตัวผู้ต้องสงสัยชัดเจนแล้วการตัดสินใจควบคุมตัวเป็นของตำรวจตัดสินใจ เพราะเป็นเจ้าของคดี และมีข้อมูลในมือ ส่วนจะสามารถตามตัวผู้ก่อเหตุวางระเบิดได้หรือไม่นั้น ต้องสอบถามทางตำรวจ

พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า สำหรับการใช้กำลังหากต้องการใช้กำลังของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ตนมีความพร้อม ส่วนผู้ต้องสงสัยจะมีกี่คน ตนยังตอบไม่ได้ ขอให้เป็นหน้าที่ตำรวจ เพราะตนทราบภาพรวมทราบว่ามีผู้ต้องสงสัย และกำลังติดตามอยู่ ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ออกมาระบุว่ามีบุคลภายใน และนอกประเทศนั้น คิดว่าท่านกล่าวในภาพรวม ซึ่งที่ผ่านมามีคนกลุ่มหนึ่งหลบหนีคดีในประเทศเพื่อนบ้าน และแสดงท่าทีก้าวร้าว และปลุกระดมคนให้ใช้กำลัง ส่วนบุคคลที่จะเข้ามาปฏิบัติ ยังไม่แน่ใจว่าเป็นกลุ่มนี้หรือไม่ แต่เป็นคนภายในประเทศ ที่อาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มฮาร์ดคอ ที่เราเคยจับไปครั้งที่แล้ว

Advertisement

เมื่อถามว่า คนที่หลบหนีต่างประเทศ และมีพฤติกรรมดังกล่าว ใช่ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ (โกตี๋) หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ใช่ เพราะที่ผ่านมามีการปลุกระดมผ่านโชเชียลตลอด ซึ่งเราดำเนินการ โดยอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ตอนนี้เงียบไป ซึ่งที่ผ่านมาเราประสานไปยังประเทศลาว เพื่อขอตัว และทางลาวกำลังดำเนินการให้

เมื่อถามย้ำว่า เป็นคนกลุ่มเดียวกับกลุ่มที่เผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า เป็นการปลุกระดมกลุ่มคนให้ทำลายทรัพย์สินราชการ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดครั้งนี้ รวมถึงบริเวณกองสลาก และโรงละครแห่งชาติ หรือไม่ ต้องแยกออกเป็น 2 กรณี โดยกรณีดังกล่าวได้จับกุมตัวผู้อยู่ในข่ายมาซักถามทั้งหมด จำนวน 9 คน และส่งตัวให้ตำรวจแล้ว ซึ่งทั้งหมดมีคนจ้างวานแค่ 1 คนที่เป็นผู้ใหญ่ที่เหลือเป็นเด็ก โดยรับค่าจ้าง 200 บาท จึงไม่ใช่ขบวนการใหญ่ ไม่ได้มีอะไรเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดทั้ง 3 ที่

“ ขณะนี้คนที่ตำรวจกำลังติดตามอยู่เป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ของคนที่เข้าออกในโรงพยาบาล ในห้วงเวลาดังกล่าว ที่คาดว่าจะนำระเบิดไปวาง ตลอดจนนายโกตี๋ ก็เป็นเพียงผู้ต้องสงสัยในข่าย ส่วนจะมีคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ผมยังตอบไม่ได้ เพราะตอนนี้เป็นผู้ต้องสงสัยหมด เราสงสัยใครก็ได้ แต่จะบอกว่าเป็นคนนั้น คนนี้ เราต้องมีหลักฐานชัดเจน เพื่อมุ่งไปตัวเขา ซึ่งการนำบุคคลต้องสงสัย แล้วมาออกสื่อ จะไม่เป็นผลบวกในเรื่องปรองดอง จะมีทหารแตงโมร่วมด้วยหรือไม่ ผมไม่ทราบ และไม่กล้าวิเคราะห์ แต่อยากให้ยึดหลักฐานตามตำรวจว่าอะไรเป็นอะไร การเดาสุ่มไม่เกิดประโยชน์ต่อสังคม ดังนั้นขอให้รอตำรวจแถลง ขณะนี้อยากให้ช่วยกันผ่านวิกฤตตรงนี้ให้ได้” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว

พล.อ.เฉลิมชัยเลขาธิการคสช. กล่าวต่อว่า สำหรับดูแลรักษาความปลอดภัยจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว ทั้งสถานที่ราชการ เอกชน หรือพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน ซึ่งตนได้เร่งรัดไปยังทุกส่วน โดยแนะนำให้ความรู้ ข้อมูลกับผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ เช่น รปภ.พื้นที่ ทั่วกทม. ถึงขั้นตอนการตรวจสอบ การคัดคนเข้าออก ตลอดจนขอความร่วมมือสถานประกอบการช่วยกันดูแล เพื่อให้ความมั่นใจกับประชาชนไม่ให้ตื่นตระหนก สำหรับพื้นที่เฝ้าระหว่างหากเขาสามารถก่อเหตุในโรงพยาบาลได้ เราจำเป็นต้องระมัดระวังทุกพื้นที่ และบูรณาการการใช้กำลังให้ทุกภาคส่วน ทั้งกกล.รส. และตำรวจ รวมถึงผู้รับผิดชอบอื่น ร่วมมือกัน

เมื่อถามว่า เหตุระเบิดครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ บีอาร์เอ็นหรือไม่ เลขาธิการ คสช. กล่าวว่า เป็นมุมวิเคราะห์ ของตำรวจออกมาให้ข้อมูลการประกอบระเบิด ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในภาคใต้ อาจจะมีความเป็นไปได้กับการประกอบระเบิด ส่วนกรณีบุคคลที่มีชื่อในจดหมายข่มขู่ ได้ให้การปฏิเสธไปแล้วว่าไม่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่า จะออกคำสั่งคสช.ให้นำคดีความมั่นคงกลับไปขึ้นศาลทหาร หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ เคยมีคำสั่งคสช. ฉบับที่ 50/2557 บังคับใช้อยู่ แต่มีคำสั่งยกเลิกไป ซึ่งกรณีนี้เป็นการพูดคุยในระดับผู้ปฏิบัติว่าเหตุการณ์รุนแรงลักษณะนี้เป็นการมุ่งทำลายเอาชีวิตประชาชนจำนวนมาก จะนำคำสั่งดังกล่าวมาใช้ หรือไม่ ซึ่งตนย้ำว่าเป็นเพียงการพูดคุย ยังไม่มีนโยบายหรือคำสั่งใดๆ ออกมา เฉพาะคดีอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิดที่ใช้ในสงคราม

พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวปฏิเสธว่าเหตุระเบิดครั้งนี้ไม้เกี่ยวข้องกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด หากคนจะก่อกวนก็ทำได้ตลอดเวลา ทุกโอกาส อย่าไปมองเรื่องตัวบุคคล และการที่พล.อ.ประวิตร กลับมาทำงานหลังจากลาป่วยนั้น ตนคิดว่าสามารถส่งผลด้านจิตใจของผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งท่านดูแลสุขภาพช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ทราบว่าปัจจุบันท่านกลับมาทำงานแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image