สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานสถานการณ์กวาดล้างกลุ่มติดอาวุธมุสลิมหัวรุนแรงเมาว์เต ที่ประกาศสวามิภักดิ์กับกองกำลังรัฐอิสลาม(ไอเอส) บนเกาะมินดาเนาของกองทัพฟิลิปปินส์ว่า เมื่อวันศุกร์(26 พ.ค.) ขณะที่กองทัพฟิลิปปินส์ยังคงปฏิบัติการโจมตีกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธในเมืองมาราวีต่อไป นายโฮเซ คาลิดา รองอธิบดีกรมอัยการฟิลิปปินส์ แถลงว่ามีนักรบญิฮาดต่างชาติเข้าร่วมกับกลุ่มเมาว์เต ในการต่อสู้กับกองทัพฟิลิปปินส์บนเกาะมินดาเนาด้วย โดยพบนักรบญิฮาดชาวอินโดนีเซียและมาเลเซียอยู่ในกลุ่มติดอาวุธ 6 คนที่ถูกทหารฟิลิปปินส์สังหารในระหว่างการปะทะกันในเมืองมาราวีเมื่อวันพฤหัสบดี(25 พ.ค.)
ขณะที่การปะทะกันในช่วง 3 วันที่ผ่านมาหลังจากประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์ ประกาศใช้กฎอัยการศึกษาในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อวันอังคาร(23 พ.ค.) มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 46 ราย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของฟิลิปปินส์ 15 นาย และกลุ่มติดอาวุธ 31 ราย นอกเหนือจากที่กลุ่มติดอาวุธได้จับชาวคริสเตียนไว้เป็นตัวประกันจำนวนหนึ่ง ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่รู้ชะตากรรม
“ก่อนหน้านี้เป็นแค่กลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ แต่ตอนนี้กลายเป็นสาวกที่รับเอาอุดมการณ์ของกลุ่มไอซิส(ไอเอส)มาด้วย โดยพวกเขาต้องการทำให้ส่วนหนึ่งของมินดาเนาเป็นรัฐอิสลาม” นายคาลิดากล่าวกับผู้สื่อข่าว และว่า กลุ่มเมาว์เตและไอเอสต้องการสร้าง”จังหวัดไอซิส” ขึ้นในมินดาเนา และไม่เพียงรัฐบาลเท่านั้นที่ตกเป็นเป้าหมายของการรุกราน แต่ประชาชนไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนหรือมุสลิมที่ถูกกลุ่มติดอาวุธเหล่านี้มองว่าเป็นพวกนอกรีต ก็ตกเป็นเป้าหมาย สิ่งที่น่าห่วงก็คือกลุ่มไอเอสได้ล้างสมองให้หนุ่มสาวมุสลิมฟิลิปปินส์กลายเป็นพวกหัวรุนแรง
ในส่วนของปฏิบัติการกวาดล้าง มีรายงานว่า กองทัพฟิลิปปินส์ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์และหน่วยคอมมานโดหรือหน่วยรบพิเศษ เข้าไปเสริมการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธในเมืองมาราวีเมื่อวันพฤหัสบดี(25 พ.ค.) โดยเฮลิคอปเตอร์ที่บินวนอยู่เหนือเมืองมาราวีได้ใช้ปืนกลยิงถล่มกลุ่มติดอาวุธให้ออกไปจากสะพานสายสำคัญ ขณะที่กองกำลังภาคพื้นดินพร้อมยานยนต์หุ้มเกราะได้ยิงปะทะกับกลุ่มติดอาวุธในระหว่างปฏิบัติการยึดคืนเมืองมาราวี
ส่วนชาวบ้านในเมืองมาราวีที่มีประชากรอยู่ราว 200,000 คน ยังคงแห่อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงไปหลบอยู่ในค่ายทหาร
ทั้งนี้ปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มติดอาวุธบนเกาะมินดาเนาของกองทัพฟิลิปปินส์ที่เปิดฉากขึ้นเมื่อวันอังคาร(23 พ.ค.) มีขึ้นเพื่อหมายไล่ล่าจับตัวนายอิสนิลอน ฮาพิลอน หัวหน้ากลุ่มติดอาวุธอาบูไซยาฟ ที่ยังเป็นหัวหน้ากลุ่มไอเอสในฟิลิปปินส์ ซึ่งทางการสหรัฐอเมริกายังตั้งค่าหัวไว้สูงถึง 5 ล้านดอลลาร์ โดยนายฮาพิลอนยังร่วมมือกับหัวหน้ากลุ่มเมาว์เตในการเคลื่อนไหวต่อสู้กับกองทัพฟิลิปปินส์
