เป็นแฮร์สไตลิสท์ระดับท็อปของเมืองไทย ที่ตอนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเขา “ก้อง-กฤษฏิ์ จิระเกียรติวัฒนา” หรือ “ก้อง ไฮฟ์ ซาลอน” เจ้าของธุรกิจร้านทำผมชื่อดัง “ไฮฟ์ ซาลอน” (Hive Salon) ที่ได้รับความนิยมจากดาราชื่อดัง และเซเลบริตี้คนดังมากมาย
และเมื่อไม่นานมานี้าเพิ่งจัดงานฉลองครบรอบ 5 ปี “ไฮฟ์ ซาลอน” ที่ได้ดาราตัวแม่ของเมืองไทยมาร่วมเดินแฟชั่นโชว์เทรนด์ผม และได้เซเลบริตี้มาร่วมนั่งฟร้อนโรว์ชมโชว์สุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ด้วย
หลายคนอาจคิดว่า หนุ่มคนนี้ประสบความสำเร็จเร็ว แต่หากได้จับเข่าพูดคุยกับเขาอย่างลึกซึ้ง จะรู้ว่ากว่าจะเป็น “ท็อปแฮร์สไตลิสท์ของเมืองไทย” ผู้ชายคนนี้ใช้ทุ่มเทและมุ่งมั่น “เกิน 100”
ก้องโตมากับครอบครัวนักธุรกิจ อีกทั้งยังจบการศึกษาปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจจาก Pepperdine University สหรัฐอเมริกา แต่ด้วยใจรักเรื่องของการทำผม ระหว่างเรียนอยู่ที่อเมริกาเขาจะเก็บเงินและนำเงินนี้ไปตัดผมกับแฮร์สไตลิสท์ชื่อดังปีละ 2 ครั้ง
“พอไปอยู่อเมริกาก็เริ่มสนใจด้านนี้ และโชคดีที่รู้จักกับเพื่อนที่มีแม่เป็นเจ้าของร้านทำผม เลยขอเข้าไปช่วยทำงาน ก็ทำทุกอย่างทั้งรับบุ๊กลูกค้า เสิร์ฟชา กาแฟ ทำให้ฟรีเลยเพื่อแลกกับการสอนสระไดร์ ทำสี และดัดผม”
กระทั่งเรียนจบปริญญาตรี ก้องตัดสินใจบอกครอบครัวขอเรียนต่อด้านนี้อย่างจริงจังกับสถาบันวิดัล แซสซูน (VIDAL SASSOON) เมื่อเรียนจบก็ทำงานกับที่นี่ ก่อนกลับมาเปิดร้านซาลอนเล็กๆ เมืองไทย ทำอยู่หลายปี ค่อยๆ เก็บประสบการณ์ ค่อยๆ เติบโต จนกระทั่งผงาดอยู่บนแถวหน้าของเมืองไทยตอนนี้
“ไม่มีทางลัดอะไรบนโลกใบนี้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือค่อยเป็นค่อยไป อย่างที่เป็นที่รู้จักได้ก็เริ่มจากตัดผมให้วีเจจ๋า หลังจากนั้นก็มีโอกาสทำคนนั้นคนนี้มาเรื่อยๆ พี่นก-สินจัย มาทำที่บ้าน ก็ค่อยๆ ทำ ผมเป็นเพื่อนกับชมพู่-อารยา มาครึ่งปี กว่าจะยอมบอกว่าเป็นช่างทำผม เพราะชีวิตนี้ ไม่เคยไปชวนใครมาทำผมกับเรา เพราะรู้สึกว่า แบบนั้นไม่แพง ถ้าเค้าอยากจะมาทำ เค้าจะมาเอง”
สำหรับก้องความสุขของอาชีพนี้อยู่ที่ช่างทำผมเป็นอาชีพที่ทำให้คนรู้สึกดีกับตัวเอง เพราะในโลกนี้มีอาชีพไม่กี่อาชีพที่ทำให้รู้สึกสวยขึ้น หล่อขึ้น
“ซึ่งผมได้ทำอาชีพที่หาเลี้ยงตัวเองได้ ไปพร้อมๆ กับทำให้คนมีความสุข”
เขาจึงให้นิยามการเป็นช่างทำผมว่า “เป็นช่างทำผมที่ไม่เซ็ตผมตัวเอง”
โดยให้เหตุผลว่า “เพราะถ้าเซ็ตผมตัวเอง มนุษย์เราธรรมชาติอยู่หน้ากระจก เดี๋ยวก็เหลือบมอง จับผม จึงไม่เซ้ตเลย ใส่หมวก ไม่สนใจ ทำแต่ผมลูกค้าอย่างเดียว จบ”
และอีกตัวตนของเขาคือ “เป็นช่างทำผมที่ชอบแฟชั่น เพราะเชื่อว่าแฟชั่นกับเส้นผมต้องไปด้วยกัน และเป็นช่างทำผมที่มองภาพจบก่อนจะเริ่มลงมือทำเสมอ ลุคสุดท้ายที่จบจะสวยยังไง แล้วค่อยลงมือทำ”
