เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 27 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 3 บ.โสร่ง ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ช่วยกันล้อมจับนายสุกรี ลือไปซา อายุ 32 เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน โดยมีพฤติกรรมชอบทำตัวเป็นหัวโจกออกขโมยทรัพย์สินของชาวบ้านไปทั่วนับไม่ถ้วน โดยทุกครั้งที่ก่อเหตุก็สามารถหลบหนีได้อย่างลอยนวล เพราะชาวบ้านไม่สามารถดำเนินคดีได้ เนื่องจากขาดพยานหลักฐานยืนยันความผิดในทุกครั้ง
ทั้งนี้นายสุกรียอมรับว่าก่อนจะก่อเหตุทุกครั้งสิ่งสำคัญคือ การเตรียมการอย่างดี การเลือกเป้าหมายเป็นผู้มีฐานะ มีทรัพย์สินมากๆ จะยิ่งทำให้จดจำได้ไม่หมด การลงมือจะต้องคอยเฝ้าสังเกตการณ์รอจนกว่าเจ้าของบ้านนอนหลับสนิทในยามดึกก็จะย่องเบาปีนเข้าไปขโมยทรัพย์สินต่างๆ ภายในบ้าน ที่สำคัญการก่อเหตุแต่ละครั้งจะต้องลงมือเพียงคนเดียว แต่การลงมือย่องเบาในครั้งนี้นั้นคนร้ายเกิดความผิดพลาด
เนื่องจาก นส.ลีเราะห์ ตีโด เจ้าของบ้านและเป็นผู้เสียหาย ขณะเกิดเหตุตนเองกับลูกสาว 2 คน ยังหลับไม่สนิท สังเกตเห็นเงาเหมือนคนเดินผ่านจึงรีบลุกออกจากที่นอนมาแอบดู จากนั้นก็เห็นเป็นร่างผู้ชายผอมสูง มีผ้าปิดบังอำพรางใบหน้า กำลังรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน จึงรีบตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ไม่นานญาติๆ ที่บ้านอยู่ติดกันรวมถึงชาวบ้านใกล้เคียงที่ได้ยินต่างวิ่งกรูเข้ามาเรียกสอบถาม เมื่อรับทราบเรื่องราวจึงได้ช่วยกันออกค้นหาบริเวณใกล้เคียงบ้าน และไม่นานก็มีผู้เห็นนายสุกรีกระโดดหนีออกมาจากหน้าต่างชั้น 2 ของบ้าน และได้วิ่งต้อนจนสามารถจับตัวได้ในที่สุด ก่อนจะโทรแจ้งให้ตำรวจ สภ.โสร่งมารับตัวไปดำเนินคดี
สำหรับพฤติกรรมของของหัวขโมย จากการสอบถามข้อมูลล่าสุดไปยัง ร.ต.อ.อนุกุล ไชยสุวรรณ ร้อยเวรสอบสวน สภ.โสร่ง ทราบว่า นายสุกรี เป็นตัวการสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามสืบหาว่าใครคือตัวการสำคัญ ที่เที่ยวออกขโมยทรัพย์สินของชาวบ้านมานับไม่ถ้วนกว่า 10 ครั้ง จนชาวบ้านสามารถช่วยกันจับตัวได้ในครั้งนี้ และจากที่เป็นหัวขโมยย่องเบา ขโมยทรัพย์สินชาวบ้านยามค่ำคืนดึกดื่น ถึงแม้ชาวบ้านต่างก็สงสัยว่าเป็นขโมย แต่ทุกครั้งก็ไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันความผิดได้
จึงตั้งฉายาให้นายสุกรีเป็น ปรมาจารย์ หัวขโมยย่องเบา “จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน” ซึ่งหลังจากถูกควบคุมตัวส่ง สภ.โสร่งแล้ว ตัวนายสุกกรีก็ได้ยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาในหลายๆ เหตุขโมยขึ้นบ้านชาวบ้าน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาบุกรุกเคหสถานในความครอบครองของผู้อื่น ในเวลากลางคืนและลักทรัพย์ จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถปิดตำนาน ปรมาจารย์ หัวขโมยย่องเบา “จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน” ได้ในที่สุด
