นิด้าชำแหละรธน.อัปยศ อัดฉบับ’มีชัย’ปัญหาเยอะเปรียบโรค’หัวใจรั่ว’อยู่ไม่ได้

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มีการสัมมนาภายใต้หัวข้อ “เติมเต็มรัฐธรรมนูญ เพื่ออนาคตประเทศไทย” โดยนายบรรเจิด สิงคะเนติ อดีตกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า จุดเด่นของรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น มีมาตรการกำหนดระยะเวลา การเปิดประชุมสภา เรื่องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และเรื่องการพิจารณางบประมาณ เพราะที่ผ่านมาเงินที่รั่วไหลมากมาจากจุดนี้ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้โทษเข้มมาก คณะรัฐมนตรี (ครม.) อาจจะพ้นไปทั้งคณะเลยก็ได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความเป็นห่วงประเด็นแรกคือเรื่องหลักประกันในเรื่องสิทธิเสรีภาพ ซึ่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้ไปปรับของเดิมในเรื่องของการใช้สิทธิและเสรีภาพ ว่าจะไปกระทบต่อความมั่นคงของรัฐไม่ได้ เท่ากับคราวนี้จะใช้สิทธิชุมนุมเรียกร้องอะไรไม่ได้เลย ดังนั้น อะไรที่นิ่งแล้วเช่นเรื่องสิทธิ ซึ่งเป็นหลักการที่นิ่งมาตั้งแต่ปี 2540 อย่าไปกวนให้มันขุ่น ควรจะคงหลักการนี้ไว้

นายบรรเจิดกล่าวว่า หมวดสถาบันการเมือง 1.เรื่องระบบการเลือกตั้ง ร่างฉบับนี้เป็นระบบสัดส่วนผสม ข้อดีคือทำให้ความนิยมของประชาชนที่มีต่อพรรคใดพรรคหนึ่งมาคำนวณที่นั่งในสภาได้ชัดเจน แต่ที่น่าห่วงคือการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว จะทำให้พรรคการเมืองเป็นระบบทุนและเข้มแข็งมากขึ้น แต่หากเป็นระบบ 2 ใบยังมีโอกาสให้พรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กได้เกิด นอกจากนี้ เวลาที่มีปัญหาต้องเลือกตั้งใหม่ แต่คะแนน 1 คะแนนมีผลต่อการคำนวณที่นั่งในสภาไปแล้วจะทำอย่างไร ทั้งนี้ เชื่อว่าพรรคการเมืองจะไม่ส่งคนดีเข้ามาเลือกตั้ง เพราะคนดีของคนร่างกับของประชาชนนั้นคนละความหมาย ดังนั้น ระบบเลือกตั้งใบเดียวนี้ไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพของ ส.ส. และหากพรรคใหญ่ 2 พรรคไม่รับร่าง กรธ.จะมีปัญหา พรรคใหญ่อันดับ 1 ไม่รับอยู่แล้ว แต่ถ้าพรรคใหญ่อันดับ 2 มองว่าจะรับหรือไม่ด้วยเงื่อนไขเรื่องการเลือกตั้งบัตรใบเดียวนี้อาจเป็นไปได้ว่าจะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ กรธ.ควรมองจุดนี้ด้วย

“การเสนอรายชื่อนายกฯ 3 คน ผมคิดว่าไม่สอดคล้องกับระบบการเมือง ซึ่งพรรคใหญ่ไม่เสนอหรอก พรรคที่จะเสนอคือพรรคขนาดกลาง ในที่สุดอาจจะได้นายกฯที่ไม่ได้มาจากการเป็น ส.ส. ต่อมาคือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมาก อีกหน่อยอะไรจะมาที่ศาลรัฐธรรมนูญ มองดูเป็นระบบปกครองโดยศาลรัฐธรรมนูญ ระบบนี้จะทำให้รัฐสภาไม่ทำงาน สู้ส่งจดหมายใบเดียวไปที่ศาลรัฐธรรมนูญดีกว่า และศาลรัฐธรรมนูญก็จะเป็นปัญหาทางการเมืองเสียเอง ซึ่งคนเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะถูกเจาะไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทั้งนี้สิ่งที่อยากฝากคือ อยากให้รัฐธรรมนูญแก้ได้ง่ายๆ อย่าไปฝืน เพราะหากฝืนจะถูกฉีก เอาแค่พอเหมาะพอควรก็พอ” นายบรรเจิดกล่าว

ขณะที่ นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีตอธิการบดีนิด้ากล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เจตนาดีมาก แต่โครงสร้างรัฐธรรมนูญที่ใช้ระบบสัดส่วนผสม แล้วทำให้รัฐบาลอ่อนแอ เป็นโครงสร้างที่ยั่วยวนให้มีการรัฐประหาร ดูแล้วไม่น่าจะถึง 10 ปีน่าจะมีรัฐประหารเกิดขึ้น ไม่มีประเทศไหนที่ออกแบบให้รัฐบาลอ่อนแอแล้วพาประเทศไปรอด ทั้งนี้ รัฐบาลที่อ่อนแอประเทศไทยมีมาตลอดก่อนปี 40 เช่นรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และรัฐบาลนายชวน หลีกภัย เห็นแล้วว่าพาประเทศไปไม่รอด ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมไม่มีโอกาสที่พรรคใดจะได้เสียงเกินครึ่งหนึ่งเลย สูตรนี้ถามว่าใครจะตั้งรัฐบาล ถ้าพรรคขนาดกลางรวมตัวกันต่อรองสามารถตั้งนายกฯคนนอกได้เลย ไม่ต้องรอให้มีวิกฤตอะไรทั้งนั้น

Advertisement

“ลองนึกสภาพรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่รัฐบาลไม่มีอำนาจ เพราะเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่ง นายกฯไม่กล้าสั่งพรรคร่วม แม้จะโกงจะกินก็ไม่กล้าบอก เพราะแบบนี้จึงเป็นการยั่วยวนรัฐประหาร อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญเปรียบเหมือนอวัยวะ หัวใจ ตับ ปอด อวัยวะทุกอย่างดีหมด แต่ดันเป็นโรคหัวใจรั่ว แล้วเราจะอยู่อย่างไร ซึ่งเสถียรภาพของรัฐบาลก็คือหัวใจนี่เอง ถ้ารั่วก็อยู่ไม่ได้ ขอยกตัวอย่างรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เข้มแข็งมาก แถมมีมาตรา 44 แต่ยังแก้ปัญหาไม่ได้อีกหลายเรื่อง แล้วรัฐบาลที่อ่อนแอจะแก้ปัญหาอะไรได้ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีมาตรา 44 ให้ใช้หรือไม่” อดีต สปช.กล่าว

นายสมบัติกล่าวว่า ขอฝากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ว่า ตนหาเหตุผลมาโต้นายมีชัยได้ว่าการร่างรัฐธรรมนูญต้องเข้าใจโครงสร้างของระบอบประชาธิปไตย เรื่องการปฏิรูปการศึกษา ประเด็นนี้ถือว่าเป็นประเด็นที่อัปยศที่สุด ถือว่าถอยหลังไป 20 ปี เพราะเดิมรัฐบาลจะต้องให้การศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี และนโยบายพรรคการเมืองยังได้เพิ่มเติมไปอีก แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้กลับเขียนแค่ 9 ปี

ส่วนนายอุดม ทุมโฆสิต อาจารย์คณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า กล่าวว่า มองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีจุดอ่อนค่อนข้างมาก และหากไม่ปรับแก้เชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่านแน่นอน ทั้งพรรคการเมืองใหญ่ไม่เอา ภาคประชาสังคมเท่าที่ฟังก็ไม่เอาและท้องถิ่นไม่เอา หากจะปรับปรุงต้องไม่ปรับปรุงเพื่อเอาใจใคร แต่ต้องปรับหลักการให้ดี คือต้องจัดระเบียบการปกครองให้ประเทศมีดุลยภาพ รัฐธรรมนูญต้องก้าวข้ามปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้ได้ และรัฐธรรมนูญต้องชี้ทิศทางในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร เมื่อย้อนกลับมาดูประเทศไทย ยิ่งเรามีประชาธิปไตยปัญหายิ่งมาก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการทุจริต ความเหลื่อมล้ำ มีการออกมาชุมนุมเต็มท้องถนนไม่เว้นแต่ละวัน เราจึงมีความจำเป็นต้องจัดระบบการปกครองให้มีดุลยภาพที่เหมาะสม หากเป็นปัญหาเกี่ยวกับประชาชนก็น่าจะมอบอำนาจให้ประชาชนได้จัดการแก้ไขด้วยตนเอง

Advertisement

นายอุดมกล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เมื่อเทียบกับปี 40 และ ปี 50 ถือว่าถอยหลัง เพราะรัฐธรรมนูญปี 40 และปี 50 เขียนเรื่องการกระจายอำนาจไว้ชัดเจน ตนคิดว่ารัฐบาลนี้ไม่เข้าใจเรื่องการกระจายอำนาจ และไม่คิดที่จะกระจายอำนาจ นอกจากนี้ อีกประเด็นหนึ่งคือเงื่อนไขที่ทำให้เกิดการรัฐประหารคือการปฏิรูปประเทศ เมื่อการปฏิรูปเป็นสิ่งจำเป็นรัฐธรรมนูญได้เขียนเรื่องการปฏิรูปไว้ 3 มาตรา 1.เรื่องการศึกษา 2.ตำรวจ และ 3.ใส่จุดไว้ให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เข้ามาเติมเต็ม ขอเสนอว่า เรื่องการปฏิรูปต้องทำให้ชัดเจน ต้องมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องการปฏิรูป ทั้งนี้ แน่นอนว่าการปฏิรูปต้องมีระยะเปลี่ยนผ่าน คนกลัวว่า คสช.จะสืบทอดอำนาจ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีการสืบทอดอำนาจ เพราะถ้าจะสืบทอดอำนาจขอให้ช่วยกันโห่ และขอให้นำคนดีมีความสามารถเข้ามาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยกเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลใหม่ต้องเคารพและปฏิบัติตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image