เจ็บหนัก โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

บทเรียนจากกรณีประทับตรา “แดง” บนเอกสาร “เรือดำน้ำ” ยังไม่จางหาย

จึงประหลาดใจเล็กๆ กับการตัดสินใจ ของใครก็ตามที่ประทับตรา “แดง” ให้กรณีการหายตัวไปของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นเรื่อง “ลับ”

เพราะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นความกำกวม น่าเคลือบแคลงสงสัยของสังคม

ยิ่งหายไปในขณะที่มีเสียงระเบิดกัมปนาทขึ้นที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ แถมเจาะจงไปที่ห้อง “วงษ์สุวรรณ” ด้วย

Advertisement

ยิ่งไปกระตุ้นต่อม “มโน” ให้แตกกระจายออกไป แบบควบคุมไม่ได้

ทั้งที่เหตุผลเรื่อง “ป่วย” นั้น เป็นเหตุผลที่ยอมรับได้

เพราะเรื่องของ “สังขาร” และ “การเจ็บไข้” เป็นสิ่งธรรมดายิ่ง โดยเฉพาะกับคนที่อายุ 72 ปี

Advertisement

พล.อ.ประวิตรจะล้มหมอนนอนเสื่อด้วยเหตุอะไร แถลงหรือกระซิบผ่านนานาช่องทาง

ให้ชาวบ้านรู้จะจะไป เรื่องก็น่าจบลงได้

แต่กลับทำให้เป็นความอึมครึมอย่างไม่จำเป็น

แถมไปเข้าทาง “มือลึกลับ” ที่หวังใช้ “ระเบิด” ตอกลิ่มคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สั่นไหวอีกด้วย

อย่าลืมว่า จุดแข็งสุดของ คสช.ที่รัฐประหารมา 3 ปี คือความมั่นคง

มีการตีปี๊บมาโดยตลอดว่า ที่ประชาชนสนับสนุน คสช. เพราะทำให้บ้านเมืองสงบ มั่นคง

แต่ระเบิด 3 ลูก กลับทำให้ “จุดแข็ง” กลายเป็น “จุดอ่อน” อย่างไม่ยาก

แถมลากเอารองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เคยยิ่งใหญ่ แข็งแกร่ง เดี้ยงไปด้วย

และเมื่อผสมปนเปไปกับเหตุปริศนาจนทำให้ต้อง “หายตัว” ไป กระทั่งบัดนี้

ยิ่งทำให้ พล.อ.ประวิตรอยู่ในภาวะ “ไม่แข็ง” อีกต่อไป

ว่าที่จริง ภาวะเช่นนี้ ก่อตัวมาระยะหนึ่งแล้ว

เมื่อ พล.อ.ประวิตรกลายเป็นตำบลกระสุนตก ถูกโจมตีในนานาเรื่องอย่างที่ทราบกัน

ไม่ว่าเรื่องฮาวายฮาเฮ เรื่องการถูกแอบอ้างชื่อไปหาประโยชน์ คอนเน็กชั่นที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มทุน เรื่องการจัดซื้ออาวุธ ละเรื่อยไปถึงการเป็นมือประสานทางการเมืองเพื่อปูทาง “สืบทอดอำนาจ”

ขณะเดียวกันภูมิทัศน์ที่เปลี่ยนไปในกองทัพ โดยดุลอำนาจไม่ได้ผูกขาดอยู่ที่กลุ่มบูรพาพยัคฆ์เพียงกลุ่มเดียว

ก่อเสียงวิจารณ์ว่า พลังของพี่ใหญ่ ไม่เต็ม 100

ประกอบกับมีปัญหาเรื่องสุขภาพเข้ามาเบียดบังอีก

ทำให้ พล.อ.ประวิตรอยู่ในสภาวะไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม

บางทีเลยเถิดถึงขนาด มีข่าวลือว่าน้องรักจะปรับเอาพี่ใหญ่ออกจากคณะรัฐมนตรี

นี่กระมัง ที่ทำให้ พล.อ.ประวิตรและฝ่าย เสธ.ระมัดระวังเงื่อนไขที่จะทำให้ภาพ พล.อ.ประวิตรอยู่ในภาวะไม่มั่นคง

ป่วย ก็เลยต้องบอกว่า ไม่ป่วย ต้องทำลับๆ ล่อๆ อย่างที่เห็นอยู่

ด้วยภาวะที่ “จุดแข็ง” เปลี่ยนเป็น “จุดอ่อน” เช่นนี้กระมัง เปิดช่องให้ “มือที่มองไม่เห็น” ใช้ระเบิดเป็น “ลิ่ม” ตอกเข้าไปในช่องว่างนั้น

ซึ่งก็ได้ผลอย่างยิ่ง

ระเบิดที่ไม่ได้ทรงพลานุภาพนัก กลับมีผลสะเทือนสูง

พล.อ.ประวิตร กลายเป็นจุดอ่อนยิ่งขึ้นในทันที

ดูแลงานความมั่นคงไม่ได้

ขณะที่เงื่อนไขส่วนตัว ก็ได้กลายเป็นความอึมครึม

ทำให้สถานการณ์เพิ่มความสลับซับซ้อนขึ้นไปอีก

และหากกรณีระเบิดที่เกิดขึ้นจับมือใครดมไม่ได้ ทำได้เพียงชี้นิ้วกล่าวหากันไปมาตามความเชื่อของฝ่ายตนเท่านั้น

แรงกดดันก็จะถูกเทไปที่ พล.อ.ประวิตร ในฐานะผู้ดูแลงานมั่นคงอีกครั้ง

โดยตอนนี้ก็เริ่มมีการถามไถ่เรื่อง “ลาออก” บ้างแล้ว

ระเบิดห้อง “วงษ์สุวรรณ” ครั้งนี้ จึงถือว่าไม่ธรรมดา

ทรงพลานุภาพ ให้ “พี่ใหญ่” เจ็บและซวดเซอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image