“บัวแก้วสัญจร”เยี่ยมเยือน นครสวรรค์-อุทัยธานี (จบ)

หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ จ.นครสวรรค์ คณะ ”บัวแก้วสัญจร” ก็เดินทางต่อไปยังจ.อุทัยธานี ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่นาน นายชัยสิริ อนะมาน ที่ปรึกษารัฐมนตรี กล่าวระหว่างนำคณะไปบรรยายสรุปให้กับข้าราชการและประชาชนที่สนใจได้รับทราบถึงงานของกระทรวงการต่างประเทศในมิติต่างๆ ณ ศาลากลางจังหวัดอุทัยธานีว่า ในอดีตคนมักมองว่างานของกระทรวงการต่างประเทศเหมือนอยู่บนหอคอยงาช้าง ทั้งที่ในความเป็นจริงงานของกระทรวงเกี่ยวพันกับชีวิตของประชาชนจำนวนมาก ยิ่งในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว การต่างประเทศยิ่งไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของคนไทยและการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คน ท่ามกลางสิ่งท้าทายมากมาย อาทิ การก่อการร้าย โรคภัยไข้เจ็บ รวมถึงการที่คนไทยในปัจจุบันเดินทางไปในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก

ท่านที่ปรึกษาชัยสิริได้แสดงความชื่นชมที่อุทัยธานีได้น้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศก็ได้สอดแทรกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไว้ในกิจกรรมต่างๆ เช่นกัน อาทิ การเชิญผู้แทนต่างประเทศมาดูงานในไทย การให้ทุนฝึกอบรมระยะสั้น ปัจจุบันมีการนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมแล้วใน 7 ประเทศ การเดินทางมาเยี่ยมเยือนอุทัยธานีครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของคณะบัวแก้วสัญจร จึงอยากจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับท้องถิ่น และรับฟังข้อเสนอแนะในการทำงานจากท้องที่ด้วย

ท่านที่ปรึกษาชัยสิริบอกด้วยว่า อุทัยธานีเป็นจังหวัดที่มาแล้วประทับใจ เป็นจังหวัดที่น่าอยู่ และมีวัดเก่าแก่สวยงาม ซึ่งต้องบอกว่าท่านที่ปรึกษาชัยสิริไม่ได้พูดเกินจริง
หลังได้พูดคุยกันทำให้ทราบว่าก่อนหน้านี้มีผู้ร่วมคณะเพียงไม่กี่คนที่เคยเดินทางมายังอุทัยธานีแล้ว ด้วยความที่ไม่เคยมีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับอุทัยธานีมาก่อนเลย การเดินทางมายังอุทัยธานีครั้งแรกทำให้รู้สึกว่าทำไมเราถึงพลาดอะไรดีๆ อย่างจ.อุทัยธานีมาตั้งนาน

เสน่ห์ของอุทัยธานีอยู่ที่ความสงบเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยความเป็นชุมชนไทยแบบดั้งเดิม ความเจริญสูงสุดที่พบในพื้นที่คือร้านสะดวกซื้อ 7-ELEVEN บรรดาร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่พบเห็นทั่วไปในเมืองอื่นๆ ไม่ปรากฎให้เห็นในอุทัยธานีแม้แต่แห่งเดียว บางคนอาจมองว่านั่นคือความไม่เจริญ แต่ในความเป็นจริงแล้ว นั่นกลับทำให้อุทัยธานียังคงมีวิถีชีวิตที่งดงามและเปี่ยมเสน่ห์

Advertisement

เราได้มีโอกาสไปเดินสำรวจตลาดเช้าของอุทัยธานี และได้สัมผัสถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ทั้งข้าวปลาอาหารรวมถึงผลไม้หลากชนิด ปลาน้ำจืดมากมายถูกจับขึ้นมาวางขายกันสดๆ ทุกวัน ในฐานะคนต่างถิ่นต้องบอกว่าหลายชนิดก็เป็นปลาที่ไม่เคยรู้จัก พอหันไปเห็นปลาแรดตัวใหญ่เท่าถาดก็ทำให้ถึงกับตกใจว่าทำไมมันถึงใหญ่ได้ขนาดนั้น ขณะที่ผลไม้มากมายตามฤดูกาลก็ราคาถูกจนต้องขนซื้อกลับมาหอบใหญ่ ข้าวต้มถุงละ 10 บาท ทอดมันปลากรายแท้กิโลละแค่ 250 บาท หรือขนมเปียกปูนกระทิสดที่หอมอร่อยจนทุกคนที่ได้ชิมพากันติดใจ

ยังไม่รวมถึงบรรยากาศในตลาดที่ผู้คนทักทายโอภาปราศรัยกันอย่างมีน้ำใจสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งและใกล้ชิดกันของคนในชุมชน พอถามผู้รู้เลยได้ทราบว่าปลาแรดของอุทัยธานีจากลุ่มน้ำสะแกกรัง ยังเป็นสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือจีไอที่ย่อมาจาก Geographical Indication ซึ่งเป็นการยืนยันถึงเอกลักษณ์ของสินค้าที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นสินค้าจากที่ใด มีลักษณะจำเพาะที่เป็นความพิเศษเชื่อมโยงกับผู้ผลิตซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าอีกด้วย

อุทัยธานีไม่ได้มีดีแค่วิถีชุมชน แต่ยังมีสถานที่น่าสนใจอีกมากให้เยี่ยมชม อย่างวัดอุโปสถาราม ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำสะแกกรังตรงข้ามกับตลาดก็เป็นวัดที่สวยงาม มีพระพุทธรูปล้ำค่ามากมาย วัดสังกัสรัตนคีรีที่ตั้งอยู่บนยอดเขาสะแกกรัง วัดจันทรารามหรือวัดท่าซุง และวัดถ้ำเขาวง หรือสถานที่ท่องเที่ยวแปลกตาอย่างหุบป่าตาด ที่มีพืชพรรณแปลกตาคล้ายยุคดึกดำบรรพ์ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง

Advertisement

เราจะเห็นคำว่า ”เมืองพระชนกจักรี” อยู่คู่กับด้านหน้าเขาสะแกกรัง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เนื่องด้วยพระองค์ประสูติที่บ้านสะแกกรัง เมืองอุทัยธานี ด้วยความเกี่ยวพันอันใกล้ชิดกับราชวงศ์จักรีเช่นนี้ ทำให้ชาวอุทัยธานีเป็นเมืองที่คงความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีสูงยิ่ง

พงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร

นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เล่าให้ฟังว่า ในวันที่ 6 เมษายน ซึ่งเป็นวันจักรี ชาวอุทัยธานีกว่า 5,000 คน ได้แสดงความจงรักภักดีด้วยการเดินขึ้นเขาสะแกกรังเพื่อประกอบพิธีถวายสักการะรัชกาลที่ 1-9 บนยอดเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก ขณะเดียวกันชาวอุทัยธานีก็ได้ร่วมกันทำดอกไม้จันทน์เพื่อใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของชาวไทย มาตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว

ท่านรองผู้ว่าฯพงษ์พันธ์ให้ความรู้อีกว่า อุทัยธานียังเป็นเมืองที่ทำให้เกิดธงไตรรงค์อย่างที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาเยือนอุทัยธานีในปี 2549 ชาวอุทัยธานีต่างปลื้มปิติปรีดาพากันประดับธงเพื่อถวายพระเกียรติ แต่เนื่องจากในอดีต ธงช้าง ซึ่งเป็นธงชาติไทยนั้นทำได้ยาก ต้องสั่งทำจากต่างประเทศเพราะคนไทยไม่สามารถผลิตเองได้ จึงมีราคาแพง ชาวบ้านบางส่วนที่ไม่มีธงเลยนำเอาผ้าขาวแดงมาประดับแทน ซึ่งพระองค์ทรงเข้าใจ แต่พอมาเจอบ้านหลังหนึ่งที่นำเองธงช้างมาประดับแต่ทำผิด คือเอาขาช้างชี้ฟ้า ทำให้พระองค์สะเทือนใจ ประกอบกับเห็นใจชาวบ้านที่ลำบากไม่สามารถหาธงชาติมาประดับได้ เลยเป็นที่มาของแนวคิดที่จะเปลี่ยนธงชาติไทย จนเป็นที่มาของธงไตรรงค์ที่ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี 2460 จนถึงปัจจุบันก็ครบ 100 ปีแล้ว ทางจ.อุทัยธานีก็กำลังคิดที่จะจัดงานเพื่อฉลองครบ 100 ปีธงไตรรงค์ในเร็วๆ นี้อีกด้วย

ท่านรองผู้ว่าฯพงษ์พันธ์บอกว่า อุทัยธานีเป็นเมือง 7 ส. คือสุข สงบ เสน่ห์ สะอาด สวยงาม สะแกกรัง และสาวสวย แม้จะไม่ใช่เมืองชายแดนแต่ก็มีรากเหง้าจากหลายเชื้อชาติอยู่ร่วมกัน เรามีความหลากหลายแต่ก็สามารถรักษาวัฒนธรรมของตนเองไว้ได้ ความเป็นไทยยังเหลืออยู่ที่นี่มาก ลมตะวันตกยังไม่พัดเข้ามาถึง เพราะคนในจังหวัดได้พยายามปกป้อง ในอดีตหากคนจะมาอุทัยธานีต้องผ่านแม่น้ำ 2 สาย คือแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสะแกกรัง พอมาแล้วเลยกลับไม่ได้จนคนพูดว่ามาเจอ”ดำน้ำ 3 ผุด ไม่หลุดจากเมืองอุทัย” ซึ่งท่านรองผู้ว่าฯพงษ์พันธ์ซึ่งมีวิสัยศิลปินเลยแถมให้ว่า”มาอุทัยไม่ต้องอุทธรณ์ ค่ำแล้วก็นอนที่เมืองอุทัย”

นอกจากนี้ อุทัยธานียังเป็นบ้านเกิดของบุคคลสำคัญอีกมากมาย อาทิ เจ้าพระยาพระคลังหน หลวงวิจิตรวาทการ และปัจจุบันยอดเขาสะแกกรังยังเป็นที่วาง ”หมุดโลก” ของ Google ซึ่งเป็นหน่วยยึดโยงในการทำแผนที่ของ Google ซึ่งมีอยู่เพียงแค่ 3 แห่งเท่านั้นในโลก

ท่านรองผู้ว่าฯพงษ์พันธ์บอกว่า การที่กระทรวงการต่างประเทศนำคณะบัวแก้วสัญจรเดินทางไปตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับงานของกระทรวง รวมถึงเดินทางมายังอุทัยธานีนับเป็นนิมิตรหมายที่ดียิ่ง

แม้เวลาเพียงไม่นานที่มีจะทำให้เราได้เห็นเพียงแค่บางส่วนของอุทัยธานี แต่เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมก็ทำให้เกิดความประทับใจจนผู้ที่เพิ่งมาเยี่ยมเยือนอุทัยธานีครั้งแรกอย่างเราๆ ถึงกับตั้งใจว่าจะต้องหาเวลากลับมาสัมผัสวิถีชีวิตอันงดงามที่นี่ให้ได้อีกสักครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image