ซิ่ง‘โตโยต้า’พลาดโพเดียมจบที่8-9’อาร์โต้’ลั่นปีหน้าจัดเต็มทวงบัลลังก์‘นูร์เบิร์กริง’

ความเคลื่อนไหวทีมรถแข่ง “โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์” กับภารกิจพิสูจน์ศักดิ์ศรีความอึดนักแข่ง และสมรรถนะรถ “โตโยต้า” ในการร่วม “เอดีเอซี ซูริช 24 ชั่วโมง นูร์เบอร์กริง 2017” ที่เมืองนูร์เบิร์ก ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 27-28 พฤษภาคม โดยทีมซิ่ง “โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์” ส่งรถยนต์เข้าแข่งขัน 2 คัน ในรุ่น SP 3 เครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี คันแรก โตโยต้า โคโรล่า อัลติส อีสปอร์ต 1,800 ซีซี หมายเลข 123 ขับโดย 4 นักแข่งได้แก่ สุทธิพงศ์ สมิตชาติ, ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ, มานัต กุละปาลานนท์, ณัฐพงษ์ ห่อทองคำ ส่วนอีกคันเป็น โตโยต้า โคโรล่า อัลติส อีสปอร์ต นูร์เบิร์กริง เอดิชั่น 1,800 ซีซี หมายเลข 124 ขับโดย 4 นักแข่งได้แก่ อาทิตย์ เรืองสมบูรณ์, เฉิน เจี้ยน หง, กรัณฑ์ ศุภพงษ์, ทากายูกิ คิโนชิตะ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่น ทีมแข่งโตโยต้าทั้ง 2 คันสามารถพิชิตสนามนูร์เบิร์กริงด้วยการนำรถเข้าเส้นชัยเมื่อครบ 24 ชั่วโมง โดยรถหมายเลข 123 ทำได้ 95 รอบ จบอันดับ 8 ในรุ่น SP3 และจบอันดับ 115 ในรุ่นโอเวอร์ออลจากรถทั้งหมด 157 คัน ส่วนรถหมายเลข 124 ทำได้ 94 รอบ จบอันดับ 9 ในรุ่น SP3 และจบอันดับ 116 ในรุ่นโอเวอร์ออลจากรถทั้งหมด 157 คัน

“อาร์โต้” นายสุทธิพงศ์ เปิดเผยว่า รถทั้งสองคันของทีมเจอปัญหาในเรื่องเพลาขับทั้งคู่ โดยเปลี่ยนเพลาไปรวมกัน 11 คู่ เนื่องจากสภาพถนนที่ค่อนข้างร้อน และอากาศที่อบอ้าวจึงทำให้รถทั้ง 2 คันเจอปัญหามีอาการเดียวกัน พอวิ่งยาวๆ ผ่านไป 4 ชั่วโมงเพลาก็จะขาด ช่วงกลางคืนต้องอยู่กันทั้งคืนเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่รถของเราเข้าพิตมาบ่อยทั้งเรื่องยาง, ระบบเกียร์ และเรื่องเพลาขับ ยอมรับว่ารู้สึกเครียดมาก โดยปกติแล้วถ้าเป็นเรื่องเพลาขาดรถปกติทั่วไปก็จะวิ่งต่อไม่ได้ แต่เรามีเทคนิคเวลาลงเนินเขามาเราก็จะส่งให้เต็มที่แต่ช่วงที่ขึ้นเนินเราจะปล่อยเกียร์ว่างให้ไหลขึ้นไปเองจนสุดเนิน โดยห้ามเปลี่ยนเกียร์ต่ำเพื่อช่วยขึ้นเนินเด็ดขาดเพราะจะทำให้รถดับทันที

นายสุทธิพงศ์กล่าวต่อว่า ปีที่แล้วเราเจอปัญหาเรื่องของเพลาขับแต่มาเกิดปัญหาในรอบสุดท้ายแล้ว แต่คราวนี้สภาพอากาศร้อนมากขึ้น ยางจับถนนมากขึ้น ซึ่งตนคิดว่าเป็นแบบนั้น เพราะอะไหล่ใหม่หมดแต่มาเกิดปัญหาทั้ง 2 คันเลย คราวนี้ทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพราะแผนคือ ตอนออกสตาร์ท ณัฐวุฒิ จะขับ 16 รอบ เป็นตนเองจะขับไม้ที่สอง 13 รอบ แต่พอวิ่งไป 5 รอบเกิดปัญหาที่เกียร์ไม่เปลี่ยนทำให้เราต้องมาซ่อมเสียเวลาไป 30 นาที

Advertisement

“ผมไม่ค่อยพอใจกับผลงานของทีมในปีนี้เพราะเราหวังไว้เต็มที่เลยที่จะขึ้นโพเดียมให้ได้ ปีที่แล้วเราใช้เทคนิค 1 คันวิ่งลุย ส่วนอีก 1 คันวิ่งปกติ จึงคิดว่าปีนี้ยังไงก็ต้องขึ้นโพเดียมอีกครั้ง ช่วงซ้อม หรือช่วงควอลิฟาย รถของเราทั้ง 2 คันก็วิ่งเร็ว แต่พอมาวิ่งจริงทำไมเวลาไม่ดี ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน น่าจะมาจากสภาพอากาศที่ร้อนเพราะผมมาแข่งที่นี่ 4 ปีเพิ่งจะเจออากาศที่ร้อนเป็นปีแรก พออากาศมันร้อน เครื่องก็ร้อน ผมก็บอกกับนักขับทุกคนไม่ต้องใช้รอบเยอะเพื่อถนอมรถให้อยู่ครบ 24 ชั่วโมง”นายสุทธิพงศ์กล่าว

ผู้จัดการทีมรถแข่ง “โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง ทีมไทยแลนด์” กล่าวในตอนท้ายว่า ปีหน้าจะต้องปรับปรุงในเรื่องของช่วงล่าง ระบบเพลาใหม่ รวมถึงระบบเพาเวอร์พวงมาลัยด้วยเพราะพวงมาลัยค่อนข้างหนักทำให้เกิดอาการล้าเมื่อขับยาวๆ เพื่อเป้าหมายทวงโพเดียมกลับคืนมาให้ได้ และต้องเป็นแชมป์ให้ได้ในปีหน้า อย่างไรก็ตามสำหรับภาพรวมในปีนี้แม้ทีมจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็รู้สึกสนุก การต่อสู้กันเข้มข้นมากขึ้นเพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ผู้จัดแข่งขันยังบอกว่าปีนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเยอะมาก เยอะกว่าทุกปี แต่ก็ไม่สาหัส

“ปีนี้ผมว่าผมเตรียมความพร้อมทั้งรถ และคนเต็มที่แล้วนะ เตรียมรถมานานมากตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เรื่องเพลาที่มีปัญหาเราก็มาสั่งที่เยอรมนีตัดมาสำรองไว้ 15 คู่ จะนำบทเรียนทุกข้อไปปรับปรุงเพื่อปีหน้าโตโยต้าทีมไทยแลนด์จะต้องกลับมาผงาดในสนามนี้ให้ได้ หลังจากนี้ผมจะนำทีมกลับเมืองไทยในวันที่ 30 พฤษภาคม แต่รถทั้งสองคันคงไว้ที่เยอรมนีก่อนเพราะช่วงเดือนสิงหาคม ผมจะนำทีมมาแข่งขัน 6 ชั่วโมงที่นูร์เบิร์กริงอีกรอบ นอกจากนี้ในอนาคตผมจะส่งรถเข้าชิงชัยในรุ่นใหญ่เพิ่มอีกรุ่นด้วยแต่จะเอารถอะไรลงไปสู้กำลังพิจารณากันอยู่”ผู้จัดการทีมซิ่งโตโยต้ากาซูฯ กล่าวทิ้งท้าย

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image