สธ.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีผู้ป่วยร้อง รพ.ตรวจวินิจฉัยเอชไอวีพลาด!

นพ.ณรงค์ สายวงศ์

นพ.ณรงค์ สายวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 7 ซึ่งดูแลพื้นที่ 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น และมหาสารคาม กล่าวถึงกรณีมีการเปิดเผยผ่านสังคมออนไลน์กรณีเด็กหญิงวัย 4 ขวบ ถูกแพทย์ในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งวินิจฉัยผิดพลาดว่า ติดเชื้อเอชไอวี และกินยาต้านไวรัสมาตลอด จนกระทั่งอายุ 23 ปี และได้มีการเรียกร้องขอความเป็นธรรม พร้อมทั้งจะเข้ายื่นหนังสือต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ในวันที่ 2 มิถุนายนนี้ ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวได้รับการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่ปี 2543 ซึ่งเรื่องนี้ทางนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการ สธ. และ

นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดสธ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ และมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า เป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ทางศูนย์สันติวิธีสาธารณสุข อยู่ระหว่างดำเนินการประสานทั้งโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้อง และทางผู้ป่วยเพื่อหาทางช่วยเหลือเยียวยา

ผู้สื่อข่าวถามว่าสรุปเคสนี้ถือว่าเป็นการตรวจวินิจฉัยผิดจริงหรือไม่ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ยังตอบเช่นนั้นไม่ได้ ต้องขอให้มีการตรวจสอบก่อน เนื่องจากการตรวจจะต้องมีขั้นตอน โดยจะทำให้เร็วที่สุด แต่จะให้รวดเร็ว 1-2 วันอาจจะไม่ได้ เพราะเรื่องผ่านมากว่า 19 ปีแล้ว แต่ก็จะพยายาม และยืนยันว่าไม่ว่าอย่างไรก็จะมีการเยียวยาช่วยเหลืออย่างเต็มที่

“ขณะนี้คงต้องขอให้ระมัดระวังในการนำเสนอข้อมูลเรื่องนี้ เพราะจะมีเรื่องของสิทธิผู้ป่วย ซึ่งในส่วนของทางการแพทย์ เราระมัดระวังเรื่องนี้มาก เพราะเป็นเรื่องของสิทธิผู้ป่วย ไม่ว่าผลตรวจสอบจะเป็นอย่างไรก็ต้องเคารพสิทธิผู้ป่วยเป็นที่สุด” นพ.ณรงค์ กล่าว

Advertisement

ศ.กิตติคุณ นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า การตรวจและรักษาโรคเอดส์ในอดีตกับปัจจุบันเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มีความแตกต่าง โดยในอดีต ขั้นตอนการตรวจหาเชื้อ ไม่เหมือนปัจจุบัน ที่จะมีชุดทอดสอบที่มีความรวดเร็วและแม่นยำขึ้น กำหนดตรวจด้วยชุดทดสอบ 1 ครั้ง จากนั้น ตรวจยืนยันอีก 2 คน หากค่า บวกหรือลบ ของเลือดมีการแกว่ง ไม่แสดงออกชัดเจน ก็จะมีการตรวจสอบซ้ำ จนกว่าจะได้ค่าที่แน่ชัด ส่วนการให้ยาต้านไวรัสกับผู้ติดเชื้อรวมถึงเด็กแรกเกิดก็มีความแตกต่าง ในอดีต กับปัจจุบัน โดยปัจจุบันนี้ หากพบว่าได้รับเชื้อก็สามารถรับยาต้านไวรัสได้ทันที

ศ.กิตติคุณ นพ. ประพันธ์ กล่าวว่า กระบวนการตรวจหาเชื้อเอชไอวี หลังได้รับยาต้านไวรัสสามารถทำได้ ทั้งแบบการตรวจหาระดับแอนติบอดี้ และการตรวจในเชิงลึกระดับเซลล์ โดยปกติการรับยาต้านไวรัสเอดส์ในเด็กแรกเกิด ที่ติดเชื้อจากแม่สู่ลูกนั้น จะมีการรับยาต้านไวรัสทันที ภายใน 1-2 สัปดาห์ ประสิทธิภาพของยาต้านไวรัส จะทำให้เข้าไปกดไวรัสต่ำลง ซึ่งหากมีการตรวจหาเชื้อไวรัสเอดส์ในเด็กบางราย ที่ได้รับยาต้านอย่างรวดเร็วก็อาจไม่เจอเชื้อในระดับแอนติบอดี้ แต่ก็ไม่ได้หมายว่า เด็กคนนั้นหายขาดจากการติดเชื้อ เพราะการตรวจในระดับลึกแบบเซลล์ก็จะยังเจอเชื้อไวรัสอยู่ กรณีเช่นนี้พบได้น้อยรายมาก

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image