เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ในฐานะประธานมูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชน www.mallikafoundation.com กล่าวว่า ขอแสดงความเห็นส่วนตัวเสนอว่า ตามโรดแมปของรัฐธรรมนูญมีการเลือกตั้งแน่นอนกลางปี 2561 แม้อาจจะมีทหารบางคนคิดนอกลู่นอกแนวจากนี้ แต่ก็ไม่ใช่ผู้มีอำนาจ ผู้มีอำนาจคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้าคสช. กับ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.เป็นคนไว้วางใจได้
นางมัลลิกากล่าวว่า รัฐบาลนี้มีหน้าที่ปราบคอรัปชั่นและพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้มีคนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทุจริตคอรัปชั่นมามีอำนาจ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลหน้าแน่นอนไม่ว่าจะรูปแบบกระบวนการใดเพราะเป็นที่ไว้วางใจที่สุด เพียงแต่กระบวนการได้เป็นอาจจะไม่เหมือนที่คุ้นเคย ส่วนใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีจะขั้นตอนที่หนึ่ง หรือขั้นตอนที่สอง เป็นเรื่องหลังเลือกตั้งจริง เมื่อถึงเวลานั้นนายพลหรือบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจทุกฝ่าย ปฎิเสธไม่ได้อาจจะใช่หรือไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้
“ประเทศไทยนับจากนี้ไปภายใต้พระอาทิตย์ที่สองสว่าง ยุคสมัยใหม่ไม่น่าจะสามารถจะมีการชุมนุมแบ่งฝ่ายมวลชนใหญ่ๆได้อีก ยกเว้นการชุมนุมปัญหาปากท้องประขาชนตามเนื้อผ้า ดังนั้นหนึ่งปีครึ่งที่เหลือ ท่าทีที่แสดงออกแม้บางฝ่ายไม่ต้องการสนับสนุนแต่ก็ไม่ควรจะบั่นทอนกัน ซึ่งการแนะนำรัฐบาล การตรวจสอบที่สร้างสรรค์น่าจะเป็นทางออกดีที่สุด น่าจะมีท่าทีที่ดีในการปล่อยให้รัฐบาลจัดการในเรื่องที่เราจัดการไม่ได้ไปก่อน เช่น กลุ่มนายทุนท่อน้ำเลี้ยงทั้งหลายที่สนับสนุนกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบภายในประเทศในรูปแบบต่างๆ”นางมัลลิกากล่าว
นางมัลลิกากล่าวอีกว่า ในฐานะประธานมูลนิธิมัลลิกาฯ ยอมรับว่าปัญหาด้านเศรษฐกิจปากท้องเป็นอุปสรรคของรัฐบาลนี้เพราะมีข้อจำกัดด้านทักษะความสามารถแต่การเสนอข้อมูลแนวทางไปให้ไม่ว่าจะช่องทางใดก็น่าจะเป็นสิ่งที่ช่วยชาติและช่วยประชาชนได้ดังที่ผู้แทนของประชาชนต้องการ และการคิดต่างมีความเห็นส่วนตัวที่หลากหลายเป็นธรรมชาติของเสรีภาพและประชาธิปไตยแม้จะอยู่ภายใต้รัฐบาลที่มาจากรัฐประหารก็ตาม ฉันใดก็ฉันนั้นภายในพรรคการเมืองก็เช่นกัน แต่ทั้งหมดนั้นขอบเขตน่าจะอยู่ในวิจารณญาณของกาลเทศะทั้งปวง
