ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีนายตวง อันทะไชย เป็นประธาน เสนอปรับแก้ให้มีการเซตซีโร่ กกต. โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ได้กล่าวสนับสนุน สนช. แต่นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วย กกต.เสียงข้างน้อย ได้เรียกร้องให้ กรธ.ระบุชัดเกี่ยวกับเจตนารมณ์การพิจารณาคุณสมบัติ กกต. และทางนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ได้เปิดเผยว่า ข้อเสนอปรับแก้ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ให้มีการเซตซีโรนั้น มาจาก กมธ.วิสามัญ ในสัดส่วน กรธ.เองนั้น
ทั้งนี้ จากรายงานสรุปผลการศึกษา ของคณะกรรมการศึกษาพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต. ของ สนช.ที่มี นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ เป็นประธาน ในเนื้อหาส่วนที่ 3 มีข้อมูลประกอบการพิจารณา ได้แก่ รายงานการรับฟังความเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต. ที่ กรธ.ส่งให้ สนช.เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา พบว่าในมาตรา 70 ของกฎหมายว่าด้วย กกต.มีประชาชนทั่วไป เสนอความเห็นต่อ กรธ. ให้เซตซีโร่ กกต.ทั้งชุด เพื่อเป็นการเริ่มต้นทำหน้าที่ใหม่พร้อมกัน แต่ผลการพิจารณาของ กรธ.เห็นว่า ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ ตามมาตรา 70 ของร่างกฎหมายว่าด้วย กกต. เกี่ยวกับกับคุณสมบัติ กกต.
ส่วนความเห็นในมาตราเดียวกัน จาก กมธ.ปฏิรูปด้านการเมืองของ สปท.ที่มีนายเสรี เป็นประธาน ระบุว่า เมื่อกฎหมายนี้ใช้บังคับแล้ว ให้ กกต.ที่ยังอยู่ในตำแหน่ง ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม และดำรงตำแหน่งต่อไป โดยมีวาระ 7 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2560 โดยผลการพิจารณาของ กรธ.ระบุว่า สอดคล้องตามบทบัญญัติในมาตรา 70 แล้ว
