ทำไมความเชื่อในเรื่อง “การสืบทอด” อำนาจของ “คสช.”จึงดำรงอยู่ในสังคม
ทั้งๆที่มีการออกมา”ปฏิเสธ”อย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ล้วนออกมายืนยัน
ว่า ไม่ต้องการ”อำนาจ”
ที่ต้องออกมาทำรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ก็ต้องทำเพราะความจำเป็น
ไม่ได้มาเพราะ”อำนาจ” แต่มาเพื่อ”แก้ปัญหา”
ดังจะเห็นจากเนื้อหาในบทเพลงที่กระหึ่มในห้วงแรกของรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ที่ว่า
ขอ”เวลา” อีก”ไม่นาน”
คำว่า”ไม่นาน”ของรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ต่างจาก”ไม่นาน” ของรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
เพราะตอนนั้นอยู่เพียง 1 ปี
เป็น 1 ปีของรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็น 1 ปีที่ได้รัฐธรรมนูญ
จัดการเลือกตั้งเดือนธันวาคม 2550 แล้วก็ไป
ตรงกันข้าม “ไม่นาน”ของคสช.เริ่มจากเดือนพฤษภาคม 2557 ต่อไปยังเดือนพฤษภาคม 2558 ต่อไปยังเดือนพฤษภาคม 2559 กระทั่งเดือนพฤษภาคม 2560
คมช.อยู่จากเดือนกันยายน 2549 ถึง เดือนธันวาคม 2550
คสช.อยู่จากเดือนพฤษภาคม 2557 ถึง เดือนพฤษภาคม 2560 แล้ว ก็ยังอยู่
นี่คือจุด”ต่าง”อย่างสำคัญ
จุดต่างของระยะเวลา 1 ปีเศษแล้วไป กับ 3 ปีเศษแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะไป
ตรงนี้แหละที่ก่อให้เกิดความหวาด”ระแวง”
ยิ่งมองผ่านเนื้อหาอันดำรงอยู่ภายใน “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560” ยิ่งมองผ่านเนื้อหา 4 คำถามอันมาจากรายการ “ศาสตร์พระ ราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ยิ่งมากด้วยความระแวง แคลงใจ
ตรงนี้แหละที่ทำให้สังคมมองแต่ละบทบาทของคสช.ด้วยความกังขา
และเริ่มไม่เชื่อว่าที่ว่า”ขอเวลาอีกไม่นาน”อาจไม่จริง