แปลงใหญ่ชันโรง อ.มะขาม เร่งเตรียมพร้อมการพัฒนากลุ่มอย่างยั่งยืน

เกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งชันโรง อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี รวมกลุ่มแปลงใหญ่ผลิตน้ำผึ้งชันโรง หวังส่งเสริมให้คนไทยรู้จักและรับประทานน้ำผึ้งชันโรงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งป้อนตลาดต่างประเทศที่ปัจจุบันมีแนวโน้มความต้องการน้ำผึ้งจากชันโรงสูงขึ้น เผยการทำการเกษตรในรูปแปลงใหญ่สามารถช่วยให้เกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งชันโรงสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งชันโรงและทำตลาดได้อย่างยั่งยืน

นายสวัสดิ์ จิตตเจริญ ประธานแปลงใหญ่ชันโรง อ.มะขาม จ.จันทบุรี เกษตรกรผู้เลี้ยงและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากชันโรง กล่าวว่า ปัจจุบันการเลี้ยงผึ้งชันโรงใน อ.มะขาม จังหวัดจันทบุรี ถือเป็นอีกแห่งหนึ่งที่มีการเลี้ยงผึ้งชันโรงที่ใหญ่ที่ของประเทศ โดยหัวใจสำคัญในการเลี้ยงนั้นก็เพื่อไว้ให้ชันโรงช่วยผสมเกสรในสวนไม้ผล ทำให้ไม้ผลติดดอกออกผลได้ดีมีคุณภาพ ส่วนน้ำผึ้งของชันโรงก็นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์น้ำผึ้งคุณภาพสูงที่ขายได้ราคาดีกว่าน้ำผึ้งจากผึ้ง ซึ่งถือเป็นรายได้เสริมที่ดีของเกษตรกรอีกทางหนึ่ง โดยที่ผ่านมาการขายน้ำผึ้งชันโรงของเกษตรกรที่พื้นที่แห่งนี้จะผลิตและขายโดยไม่ได้มีการรวมกลุ่มกัน ซึ่งก็สามารถทำตลาดได้ดี มีเท่าไรก็ขายหมด เนื่องจากการปริมาณการเลี้ยงชันโรงยังคงมีไม่มากนัก จึงทำให้ผลผลิตที่ได้ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด

Advertisement

ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการรวมกลุ่มกันเป็นแปลงใหญ่เมื่อช่วงต้นปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกรที่เข้าร่วมแปลงใหญ่ชันโรงในพื้นที่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี จำนวน 50 ราย โดยแต่ละรายมีพื้นที่เลี้ยงเฉลี่ย 10 ไร่/คน สามารถผลิตน้ำผึ้งจากชันโรงเฉลี่ย 150 มิลลิลิตร/รัง โดยมีต้นทุนการผลิต 1,200 บาทต่อรัง ซึ่งปัจจุบันแม้ว่าผลผลิตจากชันโรงจะยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด แต่การเตรียมพร้อมเข้าสู่การพัฒนาและการทำตลาดอย่างยั่งยืนการกลุ่มแปลงใหญ่ตามนโยบายของภาครัฐนับเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะช่วยให้ในอนาคตที่ผลผลิตน้ำผึ้งชันโรงมีปริมาณมากขึ้นมีการรวมกลุ่มกันทำตลาดสร้างอำนาจการต่อรองให้กับเกษตรกรได้ โดยภาครัฐโดยเฉพาะกรมส่งเสริมการเกษตรได้วางเป้าหมายการผลิตไว้ โดยเน้นให้สมาชิกขยายปริมาณการเลี้ยงให้มากขึ้นเพื่อให้ได้ผลผลิตจากชันโรงมากขึ้น และสามารถนำผลผลิตมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าได้มากยิ่งขึ้น พร้อมกับส่งเสริมให้คนไทยรู้จักและหันมาบริโภคให้มากขึ้นไปพร้อมๆ กัน

Advertisement

“อย่างไรก็ตามในปัจจุบันการเลี้ยงชันโรงยังมีปัญหาและข้อจำกัดคือปริมาณการผลิตชันโรงของสมาชิกยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของการตลาด พืชอาหารของชันโรงมีปริมาณไม่เพียงพอทำผลผลิตชันโรงลดลง ประกอบกับที่ผ่านมาเกษตรกรที่เลี้ยงชันโรงส่วนใหญ่ซึ่งเป็นเกษตรกรรายย่อยและไม่สามารถหาตลาดขายผลผลิตได้ แต่หลังจากที่มีการรวมตัวเป็นแปลงใหญ่ ก็มีการรวบรวมผลผลิตเพื่อแปรรูปและขายมากขึ้น เกษตรกรรายย่อยที่เดิมไม่รู้จะนำผลผลิตไปขายที่ไหนก็นำมาส่งคนที่มีตาดขายประจำ ทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ”นายสวัสดิ์ กล่าว

ทั้งนี้กลุ่มได้วางแนวทางพัฒนาการพัฒนาการเลี้ยงชันโรง เบื้องต้นได้มีการจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกรกรายแปลง และปริมาณการผลิตของสมาชิก วางแผนการเพิ่มปริมาณการลี้ยงชันโรงให้มากขึ้น ด้วยการพัฒนาความรู้ด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากชันโรง และส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงชันโรงเพื่อช่วยในการผสมเกสรในไม้ผลเพื่อเพิ่มผลผลิตเป็นหลัก และสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรด้วยการขายน้ำผึ้งชันโรง แต่ด้วยการรวมกลุ่มกันเป็นแปลงใหญ่ชันโรงเพิ่งเริ่มต้นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ขณะนี้จึงมีผลการดำเนินงานที่ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากนัก แต่เชื่อว่าโครงการแปลงใหญ่จะสามารถพัฒนาการเลี้ยงชันโรงให้ดีและมีความยั่งยืนในทุกๆ ด้านได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image