‘ปิยะสกล’แถลงชัดๆแก้’กม.บัตรทอง’ ทำเพื่อประโยชน์ประชาชน ย้ำร่วมจ่ายไม่มีการแก้ไข

จากกรณีการเปิดเวทีประชาพิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ…. ซึ่งเป็นการแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 โดยภาคประชาชนมองว่ากระบวนการยกร่างขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน มีผู้แทนเข้าไปเป็นคณะกรรมการพิจารณา (ร่าง) พ.ร.บ.ดังกล่าวเพียง 2 คน รวมถึงมีข้อกังวลจากภาคประชาชนว่าการแก้ไขจะเป็นการทำลายหลักการของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง จนเกิดการคัดค้านและวอล์กเอาต์จากเวทีประชาพิจารณ์ใน 2 ภาค คือ ภาคเหนือและภาคใต้ เหลืออีก 2 เวที คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในวันที่ 17 มิถุนายน และภาคกลาง กทม. วันที่ 18 มิถุนายนนี้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กล่าวระหว่างการแถลงเรื่อง “ความจริงหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” ว่า อยากให้คนที่ยกประเด็นคัดค้านต่างๆ ได้ศึกษาร่าง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯที่มีการปรับปรุงแก้ไขจริงๆ บางคนยกประเด็นออกมามองถึงว่าอาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ในร่าง พ.ร.บ.เองไม่ได้เขียนสิ่งนั้นไว้เลย เป็นการกลัวไปก่อนทั้งสิ้น หากเป็นแบบนี้คิดว่ามันคงจะลำบากในการจับประเด็นที่เกิดขึ้น

นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า ในส่วนของคณะกรรมการพิจารณา (ร่าง) พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯที่ตนเป็นคนแต่งตั้ง โดยบอกว่ามีผู้แทนภาคประชาชนเพียง 2 คนนั้น ซึ่งก่อนที่จะลงนามตั้งได้มีการสอบถามก่อนแล้วว่า ทุกคนอยู่ในสภาวะสมดุลหรือไม่ คณะกรรมการมีทั้งหมด 27 คน ที่เหลือใช่ภาคประชาชนหรือไม่ เช่น ผู้แทนองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ก็เป็นตัวแทนประชาชน เพราะมาจากการเลือกของประชาชน หรือท่านอื่นๆ ก็เคยทำงานภาคประชาสังคมและประชารัฐ เป็นต้น คณะกรรมการพิจารณา (ร่าง) จึงมีความสมดุลทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขผลกระทบให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด และส่วนตัวไม่เคยเข้าไปละลาบละล้วงการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ และการทำหน้าที่ไม่มีข้อเคลือบแฝงแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้น ต้องเชื่อและไว้ใจคณะกรรมการชุดนี้

“การวอล์กเอาต์ออกจากเวทีประชาพิจารณ์ในภูมิภาคของเครือข่ายคนรักหลักประกัน จริงๆ ถือเป็นกระบวนการทางประชาธิปไตย ขอเพียงอย่าทำให้เกิดความระส่ำระสาย แต่เวทีประชาพิจารณ์ไม่ได้ล่ม เพราะยังมีภาคประชาชนอื่นๆ เข้าร่วมอีก 300-400 คน แต่มีคนออกจากเวทีราว 80 คน ที่ประชุมก็ยังเดินหน้าต่อไปได้” นพ.ปิยะสกลกล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมีคนมองว่ามีการแก้ไขเกี่ยวกับประเด็นการร่วมจ่าย นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า ไม่เห็นมีอยู่ในร่าง พ.ร.บ.ที่แก้ไขเลย แต่มีอยู่ข้อหนึ่งใน พ.ร.บ.หลักประกันฉบับเดิมที่มีอยู่แล้ว พูดถึงว่าอาจจะให้มีการจ่ายร่วมได้ ที่เห็นภาพชัด คือ คนใช้บริการจ่าย 30 บาท ซึ่งไม่ได้อยู่ในร่าง พ.ร.บ.ใหม่ เพียงแต่ไม่ได้มีการแก้ไขในร่าง พ.ร.บ.ใหม่ และร่าง พ.ร.บ.ใหม่ก็ไม่ได้มีสักคำเดียวว่าจะให้มีการจ่ายร่วม ทุกอย่างใน พ.ร.บ.ต้องมีความยืดหยุ่นได้ เพื่อให้อนาคตสามารถปรับได้ก็ปรับได้ เมื่อเห็นว่าประเด็นนี้ใน พ.ร.บ.เดิมมีการยืดหยุ่นดีอยู่แล้ว ก็ไม่ได้มีการแก้ไขในร่าง พ.ร.บ.ใหม่

“การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายทั้งหมด แก้เพื่อประโยชน์ประชาชนโดยตรง ถ้าทิ้งปัญหาเรื่องการใช้จ่ายงบหลักประกันสุขภาพบางอย่างที่ดำเนินการไม่ได้ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟของสถานพยาบาล แต่เป็นงบที่จำเป็นสำหรับ รพ. แต่ไม่ได้จ่ายโดยตรงในการรักษาพยาบาลประชาชน ซึ่งใน พ.ร.บ.เดิมบอกว่าทำไม่ได้ บางคนบอกว่าก็เลิกจ่ายให้ รพ.ทั้งหมด ก็จะทำให้ รพ.ทำงานไม่ได้ นี่คือผลที่ท่านอยากให้เป็นหรือ ก็ต้องแก้ใหม่เพื่อให้ดำเนินการได้ ถ้าไม่แก้แล้วปัญหาเกิดตามเดิมอีก ใครเดือดร้อน ที่แก้เพื่อความยั่งยืนโดยแท้” นพ.ปิยะสกลกล่าว

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image