เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2560 นายสิริรัฐ ชุปอุปการ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ กล่าวว่า กรณีที่วัดในจังหวัดอำนาจเจริญ ตกเป็นข่าวฉาว มีวัดศรีเจริญ 5 ล้าน วัดโพธิ์ศรี 2.5 ล้าน วัดโคกเลาะ 8.2 ล้าน คืนเงินทอนบูรณะให้สำนักพุทธส่วนกลางกว่าร้อยละ 70 บาทนั้น ซึ่งล่าสุดหลังจากที่มีทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ลงมาตรวจสอบที่วัดอำนาจเจริญทั้ง 3 วัดไปแล้วนั้น ทางตนได้ตั้งคณะทำงานเป็นกรรมการในการตรวจสอบมีทางพุทธศาสนาจังหวัด ทางเจ้าคณะจังหวัดและกรรมการทางจังหวัดเข้าตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งและจะรายงานให้ทราบและเท่าที่ทราบรายงานทาง ป.ป.ช. ได้มาตรวจสอบและเห็นว่าทั้ง 3 วัดมีความผิดในการทุจริตทอนเงินคืนให้กับต้นสังกัดจริง ซี่งในคณะนี้ทางจังหวัดเราได้หาลือกับทางสำนักพุทธส่วนกลางว่าจะให้ทางจังหวัดดำเนินการอย่างไรบ้าง ซึ่งเราพร้อมที่จะดำเนินงานในจุดนี้อย่างเต็มที่ และจะรายงานให้ทางสำนักงานพุทธศาสนาส่วนกลางทราบโดยละเอียด
นายบัวเขียน หวานอ่อน ไวยาวัจกรวัดโคกเลาะ ต.หนองแก้ว อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่า ดูข่าวจากช่องต่างๆ คิดว่าวัดโคกเลาะเกิดความเสียหายมาก ทางสำนักพุทธศาสนาจังหวัด ทางชาวบ้านก็มองว่าวัดโคกเลาะเป็นวันขี้โกง เป็นวัดทุจริต รวมทั้งเจ้าอาวาสวัด ไวยาวัจกรวัด ผู้นำวัด คณะกรรมการวัดเสียหายหมดทุกคนผู้นำหมู่บ้านก็เสียหาย
ตนอยากฝากทางสื่อให้ความเป็นธรรมกับทางวัดด้วย วอนผู้หลักผู้ใหญ่ไปจับตัวผู้กระทำความผิดมาเปิดโปงด้วย ไม่ใช่มาเน้นแต่วัด จะมาเอาผิดว่าเราโอนเงินคืนนั้นไม่ถูกเพราะเป็นคำสั่งของหน่วยเหนือเราจึงต้องโอนเงินทอนคืนทางวัดเราต้องการเงินมาบูรณะจึงทำตาม ตนอยากให้หาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังมารับผิดชอบ เพราะวัดตอนนี้ไม่มีประชาชนเข้ามาทำบุญมากเหมือนดังแต่ก่อนแล้ว วอนเห็นใจทางวัดด้วย ให้ผู้ใหญ่จับตัวพวกที่อยู่เบื้องหลังในการทุจริตโครงการนี้ออกมาลงโทษให้หมดทุกคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตามวัดต่างๆ ที่มีชื่อว่าทุจริต ต่างก็เงียบเหงาไปตามๆ กัน ไม่ค่อยมีประชาชนไปวัดและพูดกันในเรื่องไม่ดีอย่างเช่นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีทราบข่าวว่าผู้สื่อข่าวจะไปสัมภาษณ์หลบหนีไม่ยอมพบหน้าผู้สื่อข่าวเลย บางวัดเจ้าอาวาสอ้างติดภารกิจบ้าง ป่วยบ้าง เพราะไม่ต้องการให้สัมภาษณ์ ทิ้งให้รองเจ้าอาวาสและไวยาวัจกรให้สัมภาษณ์แทน บรรยากาศในวัดเงียบเหงา ที่ร้ายไปกว่านั้นพอรถผู้สื่อข่าวเลี้ยวเข้าในวัดทางประตูหนึ่งเจ้าอาวาสวัดหนีออกประตูหนึ่ง ไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์เลยเพราะกลัวความผิดนั่นเอง
