| ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
|---|
ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของ นายถาวร เสนเนียม ไม่ว่าการเคลื่อนไหวของ นายวิทยา แก้วภราดัย ต้องมอง โดย ตระหนักในแง่ “กลยุทธ์”
เพราะ 2 คนนี้คือ “แกนนำ” ของ “กปปส.”
ระยะที่เริ่มก่อตัวทางการเมืองนับแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 และมีบทบาทร่วมในมาตรการ “ชัตดาวน์” ในเดือนมกราคม 2557
ล้วนผ่านการเคี่ยวกรำอย่างคร่ำหวอด
เหมือนกับการพุ่งเป้าไปยังปัญหาอันเนื่องแต่วิกฤต “ราคายาง” เหมือนกับการพุ่งเป้าไปยังปัญหาอันเนื่องแต่ “การซื้อขายตำแหน่ง” ในแวดวงตำรวจ
จะเป็นยุทธวิธีในแบบ “แยกกันเดิน”
แต่ถามว่าจุดหมายปลายทางและความรับผิดชอบในเรื่อง “ราคายาง” เป็นใคร แต่ถามว่าจุดหมายปลายทางและความรับผิดชอบในเรื่อง “การซื้อขายตำแหน่ง” ในแวดวงตำรวจเป็นใคร
คำตอบ เท่ากับ “คสช.”
หากประเมินผ่านปฏิบัติการตอบโต้ด้วยการย้าย พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8 ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.)
เหมือนกับทาง “ตร.” ก็รู้อยู่เป็นอย่างดี
รู้ว่าการเคลื่อนไหวโดย นายวิทยา แก้วภราดัย ในการจุดประเด็นเรื่อง “การซื้อขายตำแหน่ง” ในแวดวงตำรวจมีรากฐานความเป็นมาอย่างไร
คล้ายกับจะสัมพันธ์กับบทบาทของ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์
แต่หากมองอย่างคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงที่ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ที่ นายวิทยา แก้วภราดัย เคยดำรงอยู่ก็จะเข้าใจมากยิ่งขึ้น
2 คนนี้เป็น “สปท.” และมีรากฐานมาจาก “สปช.”
ยิ่งกว่านั้น ยังเป็น สปช.ที่เคยมีบทบาทอยู่ในคณะกรรมาธิการ “ปฏิรูปตำรวจ” อัน พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป ดำรงอยู่อย่างเอาการเอางาน
กระทั่งเคยออกโรง “ปะทะ” ในประเด็นเดียวกันนี้มาแล้ว
ปฏิบัติการของ นายวิทยา แก้วภราดัย เมื่อประสานเข้ากับปฏิบัติอันมาจาก นายถาวร เสนเนียม จึงมิได้เป็นไปอย่างบังเอิญ หรือประเภทกลอนพาไป
ตรงกันข้าม ประเด็นนี้มี “เป้าหมาย”
เพียงแต่เมื่อ นายถาวร เสนเนียม ออกมาเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พิจารณาตัวเอง
ก็เตือนให้คำนึงถึงความเป็นสุภาพบุรุษของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขณะเดียวกัน เมื่อ นายวิทยา แก้วภราดัย ออกมาระบุว่า “วงการตำรวจรู้จักชื่อกันหมด เอาเป็นว่าประเทศนี้ พล.ต.ต.ใหญ่กว่า พล.ต.อ.”
ลูกแคนนอนตีไปยัง “พี่ใหญ่” ที่อยู่ใน “คสช.” แน่นอน
แต่กระบวนท่าก็ออกมาอย่างเดียวกันกับของ นายถาวร เสนเนียม นั่นก็คือ ไม่ระคายผิวเนื้อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เป็นการดำเนินกลยุทธ์ “แยกกันเดิน” จริง
แต่เป้าหมายในขั้นที่สุดของปฏิบัติการ ขยายผลในลักษณะ “รวมกันตี” เป้าหมายมิได้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หากแต่เป็น “ท่านอื่น” หากแต่เป็น “คนอื่น”
การเคลื่อนไหวของแกนนำ กปปส.ภายหลังจากขยับขับเคลื่อนเข้าไปอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์จึงน่าสนใจเป็นอย่างสูง
ทาง 1 ยืนยันนายกรัฐมนตรีระยะเปลี่ยนผ่านเป็นใคร
ขณะเดียวกัน ทาง 1 ทุกปลายหอกที่พุ่งออกมาจากแกนนำ กปปส.มีเป้าหมายแน่นอน เป็นเป้าหมายที่แม้จะอยู่ใน คสช.อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่มิใช่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเด็ดขาด
