นายวิลักษณ์ โหลทอง รองประธานสโมสร “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมแชมป์เก่า และจ่าฝูงฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2017 พร้อมด้วยนายรณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผอ.สโมสรเมืองทอง และ “โค้ชแบน” นายธชตวัน ศรีปาน เฮดโค้ชทีมเมืองทอง ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัว 4 ผู้เล่นใหม่ ประกอบด้วย “ปีโป้” สิโรจน์ ฉัตรทอง, “กิต” ประกิต ดีพร้อม, “ปิง” ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร และเลอันโดร อัสซัมเซา ศูนย์หน้าชาวบราซิล เข้ามาเสริมทัพสู้ศึกเลกสอง ที่ห้องแถลงข่าวเอสซีจี สเตเดียม เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน
นายรณฤทธิ์ กล่าวว่า จากผลงานเลกแรกที่ผ่านมา ซึ่งโค้ชแบนนำทีมประสบความสำเร็จสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2017 เป็นครั้งแรก แต่ก็ยังมีช่องว่างระหว่างทีมชั้นนำเอเชีย ประกอบกับนักเตะเมืองทองต้องกรำศึกหนักกับทั้งทีมชาติ และสโมสร โดยเฉพาะเดือนเมษายนต้องลงเตะถึง 9 นัดในรอบเดือน และยังเจอปัญหานักเตะมีอาการบาดเจ็บ ทำให้บอร์ดบริหารได้หารือกันเพื่อยกระดับทีมเตรียมพร้อมกลับไปท้าทายทีมหัวแถวเอเชียในปีหน้า และไล่ล่า 3 แชมป์ของไทยในปีนี้ จึงเป็นที่มาของการเสริมทัพครั้งใหญ่ เพื่อป้องกันแชมป์ไทยลีก รวมถึงฟุตบอลถ้วย 2 รายการคือ เอฟเอ คัพ และลีกคัพ
นายรณฤทธิ์กล่าวต่อว่า เลกสองได้เสริมทัพครั้งใหญ่ด้วยการคว้าตัว เฮร์แบร์ตี้ เฟร์นันเดส ดาวเตะบราซิล, ประกิต ดีพร้อม ที่ได้กลับมาร่วมทีมอีกครั้งในรอบ 10 ปี, ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร, สิโรจน์ ฉัตรทอง ศูนย์หน้าทีมชาติดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่จะเข้ามาเป็นกำลังหลัก และเลอันโดร อัสซัมเซา ที่ผลงานโดดเด่น และมีผลงานพิสูจน์ฝีเท้าได้ดีในไทยลีกจะเข้ามาในโควต้าต่างชาติแทน ซิสโก้ ฆิมิเนซ ที่หมดสัญญากับทีม และจะไม่มีชื่อในเลกสอง
ส่วนกรณีกระแสข่าวของชาริล ชัปปุยส์ ดาวเตะลูกครึ่งไทย-สวิสของทีมสุพรรณบุรี เอฟซี กับการย้ายมาร่วมทีมเมืองทองนั้น นายรณฤทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องชัปปุยส์ และถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็จะเกิดขึ้นเอง แต่ตอนนี้ชัปปุยส์ยังเป็นนักเตะของสุพรรณบุรี
โค้ชแบนกล่าวว่า ได้เสริมผู้เล่นใหม่เข้ามาในเลกสองเพื่อหมุนเวียนลงเล่นใน 3 รายการ ซึ่งเป็นนักเตะแนวรุกค่อนข้างเยอะ และมั่นใจว่าจะเข้ามาช่วยตอบโจทย์เกมรุกได้ อย่างไรก็ตามบอร์ดบริหารได้หนุนในการเสริมทัพเข้ามาอย่างเต็มที่ ส่วนเรื่องชัปปุยส์ยังไม่มีข้อมูล แต่ถ้าได้ตัวมาเสริมก็ได้ สำหรับสัญญาในการคุมทีมเมืองทองของตัวเองนั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก เพราะตั้งแต่ตอนแรกได้พูดคุยกับสโมสรว่าการทำงานของตัวเองขึ้นอยู่กับความสุขในการทำงาน และคงจะต้องขึ้นอยู่กับผลงานในการคุมทีมด้วยว่าสโมสรจะให้เราคุมทีมต่อไปหรือไม่
