“ไก่อู” โต้ “หญิงหน่อย” วิจารณ์รัฐบาลแก้บัตรทองเกินเหตุ

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์โพสข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัววิจารณ์การแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่ารัฐบาลต้องใช้งบประมาณสูงขึ้นและส่งเสริมให้เกิดความเจ็บป่วยมากขึ้นนั้นนั้นรัฐบาลขอยืนยันว่า การแก้ไขกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่มีจุดอ่อนหลายประการ โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ของโครงการที่ต้องการให้ผู้ป่วยร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพียง 30 บาท ในลักษณะให้ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งดูเหมือนเป็นสิ่งที่ดี แต่โรงพยาบาลของรัฐกลับได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ ไม่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในการรักษาพยาบาล ทำให้ขาดทุนหมุนเวียน ส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการผู้ป่วย เช่น การบริการไม่มีมาตรฐาน ผู้ป่วยได้รับยาที่ไม่เหมาะสมเสี่ยงอันตราย และบุคลากรสาธารณสุขเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียน เนื่องจากต้องทำงานหนักเกินกำลังเป็นต้น จึงถือเป็นความอ่อนแอของระบบบริการสุขภาพ (ซิคแคร์) ตั้งแต่เริ่มต้น

พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า การอ้างว่าปัจจุบันรัฐบาลอุดหนุนเงินเหมาจ่ายรายหัวไปให้พื้นที่ที่มีการเจ็บป่วยมาก แต่พื้นที่ที่ประชาชนมีสุขภาพดีเจ็บป่วยน้อยกลับได้รับเงินน้อยนั้นเป็นการกล่าวหารัฐบาลเกินความเป็นจริง เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นหลักเกณฑ์ที่มีมาตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งรัฐบาลนี้เห็นว่าเป็นหลักเกณฑ์ที่ไม่เป็นธรรม เพราะทุกพื้นที่ควรได้การดูแลอย่างเท่าเทียมตั้งแต่การป้องกันก่อนเกิดโรค ซึ่งเป็นหลักการของเฮลท์แคร์ ไม่ใช่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยการให้ประชาชนจ่ายค่ารักษาเมื่อมีอาการเจ็บป่วยแล้ว หรือเรียกว่าซิคแคร์ ซึ่งขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขและ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กำลังร่วมกันแก้ไขปัญหาอยู่

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการแก้ไข พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพคือการปรับปรุงโครงการ 30 บาทให้ดีขึ้น ไม่ใช่การยกเลิก โดยรัฐบาลคำนึงหน้าที่ของรัฐที่ต้องดูแลสวัสดิการด้านสาธารณสุขอยางเหมาะสม โดยไม่ไปไล่บี้กับประชาชน ที่ผ่านมารัฐบาลจึงได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายรายหัวให้กับโรงพยาบาลของรัฐเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนประชาชนที่เข้ารับบริการสาธารณสุขเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น เมื่อเริ่มต้นโครงการในปี 2545 มีประชาชนเข้ารับบริการในสถานบริการ 102.9 ล้านครั้ง และเพิ่มขึ้นเป็น 153.4 ล้านครั้งในปี 2553 รวมทั้งเพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทยในปัจจุบัน ส่วนในระยะยาวนั้นจะต้องแก้ปัญหาเรื่องงบประมาณให้ได้อย่างยั่งยืน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียมกันและนายกฯยังระบุว่ารัฐบาลดำเนินการเรื่องการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคประชาชนทุกกลุ่มวัยมาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เน้นการสร้างนำซ่อม ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น ฝากครรภ์คุณภาพ แผนเสริมสร้างภูมิคุ้มโรคในเด็ก โรงเรียนพ่อ-แม่ หมอครอบครัว การป้องกันการขาดสารไอโอดีน สาวไทยแก้มแดง คัดกรองโรค เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เมตาโบลิคซินโดรม โรคไต ความเสี่ยงโรคหัวใจ คัดกรองต้อกระจก มะเร็งปากมดลูก ธาลัสซีเมียในหญิงตั้งครรภ์ พัฒนาการเด็ก สุขภาพจิต และปีในปีหน้าจะเพิ่ม มะเร็งลำไส้ไหญ่ และให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เอชไอวีตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก รวมทั้งยังผลักดันแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้านสาธารณสุข ที่มุ่งเน้นความเป็นเลิศ 4 ด้าน คือ การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค การบริการ การพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาระบบบริหารจัดการ ด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image