อดีตส.ส.เพชรบูรณ์นำกลุ่มชาวม้งเจ้าของรีสอร์ทภูทับเบิก ยื่นหนังสือให้ชะลอการใช้คำสั่ง หน.คสช.ที่ 35/59 รื้อถอนรีสอร์ท อ้างข้อมติครม.ปี 2509 ให้ยกเลิกป่าเพื่อนำที่ดินจัดสรรให้แก่ชาวม้ง จวกนโยบาย 3-8-8 ทำสับสนชี้เป็นความล้มเหลวของรัฐบาลและระบบราชการไทย
เวลา 11.00 น.วันที่ 16 มิถุนายน ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ กลุ่มผู้ประกอบการเจ้าของรีสอร์ทซึ่งเป็นราษฎรชาวม้งบนภูทับเบิกจำนวนราว 10 คน นำโดยนายยุพราช บัวอินทร์ อดีต ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือเรื่องขอให้ชะลอการปฏิบัติตามคำสั่ง หน.คสช.ที่ 35/59 กรณีมาตรการแก้ไขปัญหาการครอบครองและใช้ประโยชน์ที่ดินป่าภูทับเบิก โดยอ้างว่า คำสั่งกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากพื้นที่ที่ราษฎรชาวม้งครอบครองทำประโยชน์มิใช่ป่า ตามมาตรา 4(1) แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 แต่เป็นที่ดินที่มีการครอบครองสืบสิทธิต่อเนื่องมาจากบรรพบุรุษดั้งเดิม ต่อมากรมประชาสงเคราะห์ได้รับมอบที่ดินจากกรมป่าไม้ให้จัดตั้งนิคมสงเคราะห์ชาวเขาขึ้นตามมติครม. จนมีการจำแนกประเภทที่ดินเพื่อกันเขตที่ดินออกจากป่า จากนั้นปี 2509 ครม.มีมติให้ยกเลิกพื้นที่ป่าและกำหนดให้เป็นเขตที่ดินจัดสรรเพื่อเกษตรกรรมและเพื่อประโยชน์อย่างอื่น
นายยุพราชกล่าวว่า การที่มีคำสั่งให้ราษฎรชาวม้งในพื้นที่และบริวารที่ครอบครองที่ดินภูทับเบิกออกจากพื้นที่ครอบครองและให้รื้อถอน ทำลายสิ่งปลูกสร้างจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงขอให้ชะลอการดำเนินการใดๆตามคำสั่งดังกล่าว เพื่อรอผลการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่ทหารโดยผู้เชี่ยวชาญอ่านแปล และวิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศของสำนักงานศาลยุติธรรม มิฉะนั้นราษฎรมีความจำเป็นต้องรักษาสิทธิ และหากมีการฝ่าฝืนบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ทางราษฎรก็พร้อมจะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา
นายยุพราชกล่าวย้ำด้วย ว่า เวลานี้ระยะสั้นชาวบ้านแทบจะอยู่ไม่ได้เพราะเดี่ยวก็มีกระแสออกมาจะต้องรื้อทั้งหมด ส่วนจะสร้างใหม่ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ และนโยบาย 3-8-8 ที่พยายามต้องการทำให้คุณภาพชีวิตของชาวภูทับเบิกดีขึ้นนั้นมาก่อนคำสั่ง คสช. นี่คือความล้มเหลวของรัฐบาลรวมทั้งระบบราชการไทยที่ปฏิบัติต่อภูทับเบิก ที่ผ่านมามีอดีตผู้ว่าหลายคนส่งเสริมการท่องเที่ยวและให้ชาวบ้านทำโฮมเสตย์ ขายวัฒนธรรมวีถีชีวิตชาวบ้าน แม้กระทั่งมีรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลนี้ก็เคยลงพื้นที่และไปบอกอะไรชาวม้งไว้ ยังจำได้หรือไม่
ด้านนายมงคล เถารักตระกุล เจ้าของผู้ประกอบการรีสอร์ทบนภูทับเบิกซึ่งเป็นราษฎรชาวม้งในพื้นที่กล่าวว่า 2 ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบมากโครงการต่างๆเข้าไปดำเนินการไม่ได้เพราะจะถูกป่าไม้จับกุมดำเนินคดี แม้กระทั่งมิเตอร์ไฟฟ้าชาวบ้านก็ขอไม่ได้ นอกจากนี้การรื้อถอนรีสอร์ทก็กระทบจิตใจการทำมาหากินของชาวบ้าน โดยธุรกิจที่ทำเพียงเพื่อเลี้ยงปากท้องเท่านั้นอยากให้รัฐบาลทบทวนกฎหมายที่จะดำเนินการกับภูทับเบิก และฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแก้ปัญหาให้ราษฎรชาวภูทับเบิกด้วย
ส่วนนายท้าย แซ่สง เจ้าของรีสอร์ทอีกรายซึ่งเป็นชาวม้งในพื้นที่เช่นกันกล่าวว่า รู้สึกสับสนกับนโยบาย 3-8-8 เพราะมีการแจ้งว่าบ้านที่ไม่แข็งแรงให้รื้อถอนจึงรื้อถอนออกแต่เหลือไว้เฉพาะที่มั่นคงแข็งแรง แต่ภายหลังมาถูกมาตรา 44 ให้รื้อถอนทั้งที่ยังไม่ได้ขึ้นศาลและยังไม่รู้ว่าผิดตรงไหน นอกจากนี้ยังมีการมาปิดป้ายไม่ให้เปิดบริการอีกด้วย ซึ่งโครงการ 3-8-8 คือ 3 หน่วยงาน 8 เดือนแต่วันนี้ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่เดือนและไปถึงไหนแล้วที่สำคัญทำไมถึงถูกดำเนินคดีอีกด้วย
ในขณะที่นายสมบูรณ์ ศรีไพศาลเจริญ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดรับมอบหนังสือดังกล่าวโดยชี้แจงว่าการดำเนินการที่ผ่านมาพยายามจะให้กระทบราษฎรให้นัอยที่สุดไม่ใข่เอนความเมามันส์เข้าว่า และอีกด้านก็ต้องพิจารณาด้านกฎหมายไม่ให้ถูกกล่าวหาละเว้นปฎิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตามในบางเรื่องอยู่เหนือขอบเขตอำนาจของทางจังหวัดก็จะต้องส่งไปให้รัฐบาลพิจารณา แต่ทั้งรับปากจะเร่งดำเนินการส่งหนังสือดังกล่าวให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาเพื่อจะนำส่งไปยังรัฐบาลต่อไป
