สภาเภสัชกรรมเผยไทยขาดแคลนเภสัชกรหนัก จี้รัฐบรรจุราชการปีละ 1,602 คนติดต่อกัน 10 ปี

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภก.นิลสุวรรณ ลีลารัศมี นายกสภาเภสัชกรรม แถลงข่าวเรื่อง “จำนวนเภสัชกรที่จำเป็นสำหรับการดูแลการใช้ยาให้ประชาชน” ซึ่งจัดโดยคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ 19 สถาบัน ในนามของสภาเภสัชกรรมและศูนย์ประสานงานการศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย ว่า ในปี 2560นี้รัฐบาลไม่ได้อนุมัติอัตราบรรจุข้าราชการสำหรับวิชาชีพเภสัชกร โดยบอกเพียงให้ไปเตรียมข้อมูลเสนอเพิ่มเติม ซึ่งทางสภาเภสัชกรรมได้ทำการศึกษาภาพรวมจำนวนความต้องการเภสัชกรในระยะ 10 ปีแล้ว พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนเภสัชกรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ไม่ถึง 50% ของจำนวนที่ควรมี โดยปี 2559มีเภสัชกรในสังกัด สธ. เพียง 7,743 คนหรือคิดเป็นอัตราส่วน 1 คนต่อประชากร 10,000 คน จากอัตรากำลังที่ควรมีคือ 17,128คน หรือ 2.8 คนต่อประชากร 10,000 คน

ภก.นิลสุวรรณ กล่าวว่าตัวเลขการขาดแคลนเภสัชกรดังกล่าว ทำให้เกิดความเสี่ยงในด้านยาแก่ประชาชน เนื่องจากมีแต่เภสัชกรจ่ายยา แต่ขาดกำลังคนที่จะติดตามดูแลการใช้ยาของประชาชน ปัญหาที่ที่ตามมาที่เห็นได้ชัดก็เช่นปัญหาเชื้อดื้อยา การใช้ยาอย่างไม่สมเหตุสมผล เป็นต้น ขณะที่ผลการศึกษาความต้องการเภสัชกรในระยะ 10 ปีข้างหน้าจนถึงปี2569 นั้น พบว่าประเทศไทยมีความต้องการบรรจุเภสัชกรถึงปีละ 1,602 คน ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี รวมทั้งหมด 16,018คน คิดเป็นสัดส่วน 3.7 คนต่อประชากร 10,000 คน ซึ่งตัวเลขนี้คำนวณจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในอนาคต จำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น ภาระงานจากนโยบายต่างๆของกระทรวงสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้น อาทิ การดำเนินเภสัชกรรมปฐมภูมิ การส่งเสริมแพทย์แผนไทย ตลอดจนการคุ้มครองผู้บริโภคจากยาและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัย ฯลฯ

“ปัญหาของเภสัชกรก็เหมือนกับพยาบาล คืองานเพิ่มขึ้น มันก็ต้องเพิ่มกำลังคนให้เหมาะสมตามไปด้วย แต่ทุกวันนี้จำนวนเภสัชกรก็ยังมีไม่ถึงครึ่งของความต้องการ ปกติมีการบรรจุราชการปีละ 350 คน แต่ปีนี้ไม่อนุมัติ ก็อยากให้สธ.และรัฐบาลทบทวนมุมมองเสียใหม่ ให้ความสำคัญกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้มากกว่านี้”ภก.นิลสุวรรณ กล่าว

นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวอีกว่า ข้อเสนอของสภาเภสัชกรรมเพื่อแก้ปัญหาความขาดแคลนเภสัชกร แบ่งเป็น 2ระยะประกอบด้วย 1.ระยะสั้น การแก้ปัญหาในปีงบประมาณ 2560 ขอให้ สธ.เสนอคณะรัฐมนตรีกำหนดอัตราตั้งใหม่ข้าราชการตำแหน่งเภสัชกร จำนวน 316 อัตรา และใช้อัตราว่างอีก 34 อัตรา ส่วนเภสัชกรที่อยู่ในระบบการจ้างของ สธ. ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้าง พนักงานสาธารณสุข พนักงานของรัฐ ทั้งหมดของทุกกรมจำนวนไม่ต่ำกว่า 383คนก็ขอให้บรรจุเป็นข้าราชการ และ2.ระยะยาว 10-20 ปี ขอให้ สธ. วางแผนกรอบอัตรากำลังในปี 2569 จำนวน 24,774 ตำแหน่ง และบรรจุเภสัชกรเพิ่มปีละ 1,602 ในระยะเวลา 10 ปี และขอให้กำหนดให้เภสัชกรต้องมีการศึกษาต่อยอด วุฒิบัตร หนังสืออนุมัติ ในสาขาเภสัชบำบัด คุ้มครองผู้บริโภค และสมุนไพร จำนวน 2,000 คนในระยะเวลา 20 ปี

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกสภาเภสัชกรรมจะเข้ายื่นหนังสือชี้แจงข้อมูลและข้อเสนอแนะด้วยตัวเองที่กระทรวงสาธารณสุขในสัปดาห์หน้า และอาจจะพิจารณาเข้ายื่นหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ด้วย เพื่อให้ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรและเกิดความเข้าใจที่ตรงกัน

ด้าน ผศ.ภญ.ดร.รุ่งเพ็ชร สกุลบำรุงศิลป์ ประธานศูนย์ประสานงานการศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในแง่ของจำนวนเภสัชกรที่จะมาดูแลการใช้ยาของผู้ป่วยถือว่าวิกฤติมาก ปัจจุบันยังขาดแคลนกำลังคนที่จะติดตามปัญหาการใช้ยาของผู้ป่วย ดังนั้นเพื่อให้สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนเภสัชกรได้อย่างเป็นรูปธรรม ทางสภาเภสัชกรรมขอเสนอมาตรการดังนี้

1.สธ. ร่วมกับสภาเภสัชกรรม พิจารณาจัดทำแผนพัฒนางานและนวัตกรรม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพระบบยาและงานบริบาลเภสัชกรรม

2.ตั้งคณะทำงานพิจารณาดำเนินการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยเสนอให้คณะทำงานประกอบด้วยผู้แทนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สธ. สภาเภสัชกรรม คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ราชวิทยาลัย คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล ศูนย์ประสานงานการศึกษาเภสัชศาสตร์แห่งประเทศไทย สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล วิทยาลัยเภสัชบำบัดแห่งประเทศไทย วิทยาลัยคุ้มครองผู้บริโภคด้านยาและสุขภาพแห่งประเทศไทย ชมรมเภสัชกรโรงพยาบาล และชมรมเภสัชกรสาธารณสุข

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image