จากใจ’บิ๊กตู่’ชวนทุกฝ่ายร่วมคิด 50 ข้อ เดินหน้าปฏิรูปประเทศ

นายกฯตั้งโจทย์ 50 ข้อชวนทุกฝ่ายร่วมคิด สร้างประวัติศาสตร์ปฏิรูปประเทศ อย่างยั่งยืน

เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 16 มิถุยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตอนหนึ่งว่า วันนี้ตนได้กำหนดเป็นวาระชาติไปแล้ว ในเรื่องของการ เป็นปีแห่งการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน วันนี้ตนจะฝากให้คิดตาม ไม่ใช่คำถาม ไม่ต้องการคำตอบ ในอีก 50 ประเด็น เพื่อจะได้เข้าใจว่า รัฐบาลและคสช.มองปัญหาของประเทศ สำหรับตั้งเป็นโจทย์ในการทำงานขับเคลื่อนประเทศ ปฏิรูปประเทศในปัจจุบันนี้อย่างไรและถ้าท่านมีโอกาสเป็นรัฐบาล หรือมีโอกาสบอกตนในเวลานี้ท่านคิดว่าจะทำอย่างไร เพื่อให้เราบรรลุเป้าหมายต่างๆก็มีหลายเรื่องด้วยกัน 50 เรื่อง วันนี้ยกมาแค่ 50 ข้อ คือ

1.การพัฒนาประเทศ ทำอย่างไรให้เจริญเติบโต อย่างยั่งยืน จะต้องบูรณาการพัฒนาภาค กลุ่มจังหวัด จังหวัด ชุมชน ท้องถิ่นไปพร้อมๆ กันให้เข้มแข็งตามศักยภาพ ที่มีความแตกต่าง ความเหลื่อมล้ำ ในปัจจุบัน

2.การทำให้เศรษฐกิจระดับมหภาคและระดับฐานราก “ดีขึ้น” ไปพร้อมๆ กัน

Advertisement

3.การเชื่อม”ห่วงโซ่มูลค่า” และการกระจายรายได้ จากบน กลาง ล่าง โดยต้องเข้าใจว่า ด้วยธรรมชาติของกลไกทางเศรษฐกิจแล้ว สัดส่วนรายได้ ผลกำไรส่วนใหญ่ จะอยู่ที่”ระดับบน” ก็เพราะเป็นผู้ลงทุนมากกว่า มีความเสี่ยงกว่า อาจจะขาดทุนก็ได้ หรือกำไรก็ได้ และก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ เขามีความเสี่ยงเหมือนกัน แล้วถ้าเดินหน้าไปไม่ได้ก็ขาดทุนมาก เพราะฉะนั้นการเชื่อมโยงห่วงโซ่ทุกระดับ ทุกกิจกรรม เข้าด้วยกันนั้น ผมถือว่าจะได้เลิกวาทะกรรที่ว่าเป็นการผูกขาด การเอื้อประโยชน์ กันเสียที เปลี่ยนมาเป็นการพึ่งพาอาศัยซึ่งกัน และกัน เผื่อแผ่แบ่งปัน

4.การกระจายรายได้และความเจริญ ลงไปสู่พื้นที่ ทุกระดับ อย่างทั่วถึง บางพื้นที่ยังเหลื่อมล้ำอยู่ ถนนหนทางก็ยังไม่เท่าเขา แล้ววันนี้ทุกคนก็อยากจะให้เท่ากัน เป็นไปไม่ได้ เราก็ต้องทำทุกอย่างให้เท่าก่อน หลังจากเท่ากันแล้วก็จะขยายขึ้นมาให้มากขึ้น

5.การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ – รัฐวิสาหกิจ จะต้องคุ้มค่าโปร่งใส มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ

Advertisement

6.การเพิ่มรายได้ภาครัฐ เพื่อเป็นงบประมาณให้ “เพียงพอ” เพื่อรองรับระบบสวัสดิการต่างๆ ของรัฐ ซึ่งมีอยู่หลายด้านด้วยกัน ทั้งด้านการศึกษา, สาธารณสุข และคมนาคมขนส่ง เพราะฉะนั้นแนวโน้มภาระด้านงบประมาณเพิ่มมากขึ้นในอนาคต จากประชาชน ประชากรที่เพิ่มขึ้น แต่เราต้องมีการเตรียมการรองรับสิ่งเหล่านี้ที่เรียกว่า มาตรการลดความเสี่ยง สร้างภูมิคุ้มกันไว้ก่อน

7.การทำให้ผู้ที่มีรายได้น้อย มีเงินเพียงพอต่อการดำรงชีวิต สามารถอยู่ได้ในโลกแห่งยุคโลกาภิวัฒน์ มีเทคโนโลยีเป็น “ตัวแปร” สำคัญ ในการที่จะให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่เหล่านั้นได้อย่างไร ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างประหยัด แล้วก็ทั่วถึง เท่าเทียม

8. การดูแลประชาชน ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ให้ทั่วถึงภายใต้งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด

9. การดูแลผู้มีรายได้น้อย “ทุกกลุ่ม” โดยเริ่มต้นจาก การสร้างความเท่าเทียมลดความเหลื่อมล้ำ และกระจายรายได้ จากนั้นขยายไปสู่การเพิ่มมูลค่า, สร้างความเชื่อมโยง”ทุกมิติ”, สร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ ได้อย่างยั่งยืน

10.การทำให้ผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะในส่วนที่มีรายได้มาจากกิจกรรมผิดกฎหมาย ให้มี “ทางเลือกใหม่” มีโอกาสที่จะหันมายึดอาชีพสุจริต ไม่ผิดกฎหมาย เช่น ค้าขาย, รับจ้าง, อาชีพอิสระ ฯลฯ เพราะทุกอาชีพที่เป็น “ธุรกิจสีเทา” เหล่านั้น ส่งกระทบต่อความมั่นคง, เราก็ต้องมาหาวิธีการปฏิบัติที่เหมาะสม

11.การพัฒนาประเทศ ที่เราจะต้องดำเนินการควบคู่ไปทั้งมิติเศรษฐกิจและสังคม ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เราจะขับเคลื่อนในเรื่องของสิทธิมนุษยชนในการประกอบการธุรกิจ เรื่องการบริหารจัดการต่างๆ ทั้งหมดจะต้องสมดุลและยั่งยืน

12.การใช้ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ที่ดินและน้ำ วันนี้เราก็มีอยู่อย่างจำกัด การใช้ทรัพยากร จะต้องลดลง แต่สามารถที่จะเพิ่ม ผลผลิต ผลประโยชน์มากขึ้น และสร้าง”มูลค่าเพิ่ม”ได้มากกว่าที่ผ่านๆมา

13.การปกป้องผืนป่าไม่ให้ถูกบุกรุก หรือถูกทำลายเพิ่มขึ้น วันนี้เราก็สกัดกันได้มากพอสมควร เพราะฉะนั้นก็จะต้องลงโทษสถานหนัก เจ้าหน้าที่ต้องไม่ร่วมมือ แล้วก็มีกระบวนการบริหารจัดการที่ดีของประเทศอย่าง เหมาะสม มีประสิทธิภาพ คนอยู่กับป่าได้ก็ไปได้ทั้งหมด ป่าก็เพิ่มขึ้น คนก็มีความสุข กฎหมายว่าอย่างไรต้องไปหาวิธีการทำให้เหมาะสม

14.การรักษาบ้านเมืองของเรา ให้เกิดความสงบ สันติสุข มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดไป

15.การทำให้คนไทยจะรู้จักคำว่า “พอเพียง”ทั้งความหมายและการปฏิบัติอย่างถูกต้อง เหมาะสม ความพอเพียง สำคัญที่สุดในโลกปัจจุบัน

16.การทำให้คนไทยทุกคน คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติมาก่อนผลประโยชน์ส่วนตน ถ้าเรายึดถือผลประโยชน์ส่วนรวม ผลประโยชน์ส่วนบุคคลก็ตามมาเอง

17.การทำให้คนไทยเคารพกฎหมายด้วยมีความสำนึกดีมีคุณธรรม จริยธรรม โดยไม่อ้างความจำเป็น ปัญหาส่วนตัว

18.การทำให้คนไทยรู้จักลดอัตตา ไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ทั้งความประพฤติ ความคิด ต้องให้ความสำคัญกับส่วนรวม สร้างความเป็นธรรม และอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน จะต้องไม่อ้างสิทธิเสรีภาพอย่างไร้ขอบเขต อะไรต่างๆที่เป็นอยู่ในวาทะกรรม บ้านเมืองก็สับสนไปหมด

19.การทำให้คนไทยมีจิตสำนึกที่ดี มีอุดมการณ์ ความเสียสละ ซื่อสัตย์ สุจริต เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ลืมอัตลักษณ์ความเป็นไทย

20.การลดปัญหาสังคม ทั้งการก่ออาชญากรรม, การใช้ความรุนแรงในครอบครัว และการละเมิดกฎหมาย ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและประเทศชาติ โดยรวม

21.การสร้างกลไกในการป้องกันคนไม่ดี ไม่สุจริต ในการใช้ช่องว่างกฎหมายเพื่อแสวงหาประโยชน์ มีกระบวนการยุติธรรมที่ลดความเหลื่อมล้ำ ให้ความเป็นธรรม กับคนทุกระดับอย่างทั่วถึง

22.การทำให้คนไทยมีภาคภูมิใจในความเป็นชาติ, อันนี้สำคัญที่สุด ภูมิใจในความเป็นชาติ มีประวัติศาสตร์ และมี วัฒนธรรมที่งดงาม และเป็นความงดงามของชาติ ควบคู่ไปกับการปรับตัวให้ความสามารถดำรงชีวิตได้ ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ อย่างเหมาะสม

23.การทำให้เด็กและเยาวชนของชาติ เจริญเติบโตบนพื้นฐานของการมี “ความรู้คู่คุณธรรม” ในการที่จะเป็น “พลเมือง” ที่ดีของประเทศ ในอนาคต

24.การสร้างกระบวนการเรียนรู้ ที่ให้ความสำคัญกับ “การคิดวิเคราะห์” ให้แก่คนไทย

25.การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันในสังคมทุกภาคส่วน เพื่อจะลดความหวาดระแวงระหว่างกัน, และอยู่ร่วมกันภายใต้กฎหมายเดียวกัน

26.การทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันนี้ฝ่ายรัฐก็ต้องทำ ทุกหน่วยงานไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายบริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ ต้องทำให้ดี ประชาชนจะได้มั่นใจ แล้วก็เชื่อมั่น

27.การทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐได้รับความไว้วางใจ ความเชื่อมั่น จากประชาชน ก็ด้วยตัวของท่านเอง

28.การทำให้บ้านเมืองของเรา มีความเป็นระเบียบ สะอาด สวยงาม โดยประชาชนทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ สามารถทำมาหากินได้

29.การสร้างภูมิคุ้มกัน ให้กับประชาชนในการเสพสื่อและโซเชียล อย่างรู้เท่าทันและมีวิจารณญาณ สำหรับประกอบการตัดสินใจใดๆ ได้อย่างเหมาะสม

30.การทำให้คนไทยตระหนักและให้ความสำคัญ กับการรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ผมอยากจะเน้นการป้องกันมากกว่ารักษา

31.การทำให้ประชาชนเข้าใจว่า บางครั้ง การเรียกร้องของเราในสิ่งที่ไม่ถูกไม่ควรเป็นไปไม่ได้ มันอาจจะมีผลกระทบกับคนอื่น

32.การแก้ปัญหาที่หมักหมมยาวนาน คู่ชุมชนเมืองและกรุงเทพฯ อย่างยั่งยืน เช่น ชุมชนแออัดและการจราจรติดขัด เหล่านี้เป็นปัญหาสำคัญ

33.การทำให้ประชาชนมีความสุข ความพึงพอใจในแนวทางที่ถูกที่ควร โดยไม่อึดอัดกับการอยู่ในระเบียบ วินัยและกฎหมายและกฎเกณฑ์ทางสังคม

34.การทำให้สังคมไทยมีความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ รวมทั้งให้เกียรติและดูแล ผู้หญิง เด็ก คนชรา คนพิการ คนด้อยโอกาส ได้อย่างเหมาะสม เป็นสากล

35.การทำให้คนไทยช่วยกันลดขยะและรู้จักการแยกขยะ, ลดผักตบชวา โดยรู้หน้าที่ของตน เพื่อจะไปสู่การลดโลกร้อน ให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม

36.การทำให้คนไทยเข้าใจหลักการ”ประชาธิปไตย” อย่างถ่องแท้ ทั้งในการอยู่ร่วมกัน และการทำงานร่วมกันโดยต้องยึดถือ หรือฟังเสียงคนส่วนใหญ่ แต่ต้องดูแลคนส่วนน้อยอย่างเหมาะสม ไม่ขัดแย้งและลงตัว ไม่ใช่การใช้เสรีภาพในการเรียกร้องสิ่งที่ตนเองต้องการ อย่างไม่มีเหตุผล เพราะกลไกมีหลายอย่าง ทั้งกลไกโลก พันธะสัญญามากมาย

37.การทำให้ประชาชนจะเข้าใจว่า “ประชาพิจารณ์ ประชามติ ประชาธิป ไตย” คืออะไร วันนี้ตีกันยุ่งไปหมด แม้กระทั่งคำถามผมก็กลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นในฐานะพลเมืองที่ดีของชาติ ควรรู้บทบาทหน้าที่ของตนตามกฎหมายที่มีผลผูกมัดต่างๆ ตามหลักการ โดยที่เราต้องไม่ยอมให้ใครบิดเบือนข้อเท็จจริง ที่เป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน

38.การทำให้ทุกคน ทุกภาคส่วนนักการเมือง พรรคการเมือง มีคุณธรรม จริยธรรม และประเทศไทยมีการเลือกตั้งที่ได้มาซึ่งรัฐบาล ที่มีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติและคนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ แล้วไม่ลืมดูแลคนส่วนน้อยด้วย หน้าที่ของนักการเมือง พรรคการเมืองคือต้องดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะในส่วนที่เลือกตนเข้ามา ดังนั้นรัฐบาลก็ทำหน้าที่แบบนั้น

39.การทำให้ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และ NGO ต่างๆ ได้ร่วมมือกับภาครัฐในการทำงานเพื่อประเทศชาติได้อย่างไร มากกว่า การทำงานที่มุ่งในประเด็น หรือเป้าหมาย หรือกฎหมายของตนเองแต่เพียงอย่างเดียว อาจจะมีผลกระทบต่อส่วนรวม อย่างรอบด้าน ลองคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนของประเทศบ้าง

40.การสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และการพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างยั่งยืน โดยเราต้องมีความเข้มแข็งไปด้วยกัน

41.การทำให้คนไทยเข้าใจถึงปัญหาของประเทศชาติ ของสังคม และของประชาชน ว่าต้นตอของปัญหาที่แท้จริง มาจากอะไร คืออะไร แล้วเราจะร่วมมือเดินหน้ากันแก้ไขได้ อย่างไร ถ้าหากว่าต่างคน ต่างคิด ต่างทำ เราก็จะปฏิรูป เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย พัฒนาก็ทำไม่ได้

42.การแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเราจะทำอย่างไร ให้ทันสมัย เป็นธรรม สามารถทำได้จริง บังคับใช้ได้โดยปราศจากความขัดแย้ง

43.การแก้ไขปัญหาของประเทศโดยการดำเนินการตามพันธะสัญญาต่างๆ ของประชาคมโลกนั้น รวมทั้งข้อตกลงในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ทำได้อย่างไร

44.การใช้ประโยชน์จาก “ภูมิรัฐศาสตร์” ของเรา เป็นศูนย์กลางทางด้านภูมิศาสตร์ของอาเซียน ในการเสริมสร้างศักยภาพและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศทั้งในกรอบอาเซียน และกรอบความร่วมมือต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

45.การทำให้ประเทศไทย CLMV อาเซียนเข้มแข็งไปด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ในลักษณะเป็น”หุ้นส่วนยุทธศาสตร์”

46.การทำให้ประเทศสามารถยกระดับฐานะในเวทีระหว่างประเทศ โดยอยู่ใน “ตำแหน่ง บทบาท” ในประชาคมโลกที่เหมาะสม ได้รับเกียรติ และโอกาสในการเป็น “ผู้นำ” ในการแก้ปัญหา โดยเฉพาะในกิจกรรมที่เรามีศักยภาพและมีขีดความสามารถ

47.การทำให้ ประเทศไทยไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งใดๆ กับส่วนอื่นๆ ในโลก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นมติของสหประชาชาติ เราควรจะต้องวางบทบาท และความสัมพันธ์กับชาติต่างๆ อย่างไร จึงจะไม่อยู่ในความเสี่ยงไปด้วย แต่เราต้องช่วยกันแก้ปัญหาของโลกใบนี้ เราจะต้องทำให้ทุกประเทศ ทั้งโลกอยู่กัน อย่างสันติสุข

48.การทำอย่างไรที่เราจะสามารถก้าวไปสู่ความเป็น “ผู้นำ” ได้บ้าง ผมว่าหลายคนก็อาจจะบอกว่า ทำไมไม่มีโครงการไทยแลนด์เฟิร์ส ผมว่าเราน่าจะมุ่งตรงนี้ก่อนมากกว่า การที่จะเป็นมหาอำนาจด้านอาหาร และการท่องเที่ยว ด้าน ศิลปวัฒนธรรม เรามีศักยภาพอยู่แล้ว เป็นแต่เพียงคำพูดเพื่อจะให้กำลังใจและนำพาพวกเราทุกคนให้ร่วมมือกันเป็นมหาอำนาจแบบนี้ดีกว่า

49. การทำให้สื่อมวลชน โซเชียล และคนไทยทุกคนมีความตระหนักรู้ เข้าใจถึงผลกระทบจากการเสนอข่าว หรือเผยแพร่ข้อมูลต่างๆ ทั้งด้วยเจตนาดี หรือไม่ดี ก็ตาม ย่อมมีผลต่อความรู้สึก และการรับรู้ของสังคมในทางที่ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง รวมทั้ง กระทบต่อความเชื่อมั่นจากนานาประเทศซึ่งส่งผลต่อประเทศชาติโดยตรง ทางเศรษฐกิจเช่น การค้า การลงทุน การส่งออก นำไปสู่ปัญหาปากท้อง รายได้ ขายสินค้าของประชาชน “โดยอ้อม” ที่จะเกิดขึ้นตามมา ถ้ามันเป็นอย่างนั้นก็เกิดไม่ได้

50.การทำให้คนไทยยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยจะเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยตลอดไป ไม่เสื่อมคลาย เพื่อจะเป็น “หลักชัย” ของประเทศ อีกนานเท่านาน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ขอย้ำว่าทุกเรื่องเป็นเรื่องที่รัฐบาลคิด และทำอยู่แล้วในปัจจุบัน เพียงแต่อยากจะตั้งประเด็นเหล่านี้ไว้เพื่อจะแสวงหาความร่วมมือ และเปิดโอกาสให้ทุกคน มีส่วนรวมในการแก้ปัญหาด้วยความภาคภูมิใจในตนเอง สร้างประวัติศาสตร์ให้ประเทศไทย ให้ช่วยกันคิดวิเคราะห์ คำนึงถึงหลักการและเหตุผล จะได้ลดการโต้แย้งในหลายประเด็น ต้องมาร่วมกันคิดร่วมกันทำ ทำให้เกิดขึ้นจริงด้วย คิดอย่างเดียวพูดอย่างเดียวไม่ได้ต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำทั้งข้าราชการ ประชาชน ประชารัฐ ต้องมาช่วยกันทั้งหมด สุดท้ายก็จะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ และพวกเราทุกคน ไม่ใช่คำถาม – คำตอบ เดี๋ยวไปตีความกันผิดอีก จริงๆแล้ว ประเทศของเรายังมีปัญหาอีกมากมายที่เราต้องปฏิรูป อยากให้ช่วยกันคิดช่วยกันทำดีกว่าจะต้องมาบังคับด้วยกฎหมายต่างๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image