กรมส่งเสริมการเกษตร ประชาสัมพันธ์เร่งรัดให้เกษตรกรมาปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรหลังเพาะปลูกแล้ว 15 วัน ซึ่งในปี 2560 นี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้เน้นย้ำให้เกษตรกรมาแจ้งปลูกไม่เกิน 60 วันหลังการเพาะปลูก เพราะภาครัฐต้องการทราบสถานการณ์การเพาะปลูกเพื่อนำข้อมูลไปวางแผนจัดการตลาดล่วงหน้าได้
นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ในปีนี้เข้าสู่ฤดูกาลปกติ ปริมาณฝนตกมากเพียงพอต่อการทำนา หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมาเราประสบภัยแล้งทำนาช้า แต่ปีนี้ทำนาได้เร็วจึงได้ให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่เร่งรัดประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรมาแจ้งปรับปรุงข้อมูลในทะเบียนเกษตรกรที่สำนักงานเกษตรอำเภอใกล้บ้าน โดยแจ้งเพียงว่าท่านปลูกพืชอะไร พันธุ์อะไร เนื้อที่เท่าใดและคาดว่าจะได้ผลผลิตเท่าใด
ข้อมูลในฐานทะเบียนเกษตรกรนี้รัฐบาลได้นำไปใช้ในการกำหนดมาตรการต่างๆ เช่น การจัดทำนโยบายข้าว โครงการช่วยเหลือต่างๆ รวมทั้งโครงการประกันภัยข้าวนาปี ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุมัติดำเนินโครงการต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และสมาคมประกันวินาศภัย กำหนดค่าเบี้ยประกันไร่ละ 90 บาท หากเกษตรกรทำประกันภัยไว้ เมื่อประสบภัยพิบัติจะได้รับเงินชดเชยเพิ่มเติมอีกไร่ละ 1,260 บาท หากที่นาแปลงที่ซื้อประกันไว้นั้นเกิดประสบภัยพิบัติเสียหาย
นอกจากจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐปกติไร่ละ 1,113 บาทแล้วยังจะได้รับเงินชดเชยเพิ่มเติมจากบริษัทประกันภัยอีก 1,260บาท ทำให้ชาวนาที่ทำประกันจะได้รับเงินช่วยเหลือรวม 2,373 บาทต่อไร่ การขายประกันจะสิ้นสุดในวันที่ 31 สิงหาคม 2560 นี้
อย่างไรก็ตาม ชาวนาจะต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนเกษตรกรจึงจะมีสิทธิ์ทำประกันดังกล่าว โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจะเป็นหน่วยงานต้นทางส่งข้อมูลทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์นำไปให้ชาวนาที่ต้องการซื้อประกันภัยได้เลือกแปลงนาที่ต้องการทำประกัน จึงขอให้ชาวนาผู้สนใจรีบมาแจ้งปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรโดยเร็วเพื่อจะได้ไม่เสียโอกาสในสิทธ์การทำประกัน
อนึ่งในช่วงวันที่ 20 มิถุนายน ถึง 22 สิงหาคม 2560 นี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สมาคมประกันวินาศภัย ออกเดินสายชี้แจง ทำความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่ข้าราชการในพื้นที่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พนักงาน ธกส. ใน 9 จังหวัด คือ ขอนแก่น นครสวรรค์ สุโขทัย ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด สกลนคร และสงขลา
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ กรมส่งเสริมการเกษตร โทร 029551640