เจ้าอาวาสวัดภาคเหนือ-อีสาน-ใต้ ร่วมเผยปม “เงินทอน” รับเคยคิดสึก แต่ถูกขอร้อง “อยู่สู้เพื่อพุทธศาสนา”

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พระครูวัฒนธรรมมานิต เจ้าอาวาสวัดวัฒนาราม ต.สบปราบ อ.สบปราบ จ.ลำปาง ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กรณีข่าวการทุจริต “เงินทอนวัด” โดยอดีตผู้บริหารระดับสูงและข้าราชการรสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ กว่า 60 ล้านบาท ว่า สำหรับวัดวัฒนารามที่มีรายชื่อเกี่ยวโยงทุจริตนั้น อยากจะบอกว่า อาตมาไม่ได้อยู่ในขบวนการการกระทำผิด เป็นเพียงวัดที่ตั้งอยู่ในบ้านนอก ตั้งใจที่จะพัฒนาวัด แท้ที่จริงแล้วครั้งที่เกิดเหตุเมื่อหลายปีก่อน มีพระสงฆ์ในอำเภอเดียวกัน ขณะนี้ได้ลาสิกขาบทไปแล้ว ได้ขอเป็นผู้ติดตามเรื่องที่ทางวัดวัฒนารามเคยเสนอไปยังส่วนกลางก่อนแล้วแต่เรื่องได้เงียบหายไป กระทั่งพระรูปดังกล่าวรับที่จะจัดการติดต่อให้อีกครั้ง จนไม่นานมีการแจ้งว่าทางวัดได้รับอนุมัติเงินแล้ว ได้มาประมาณ 3 ล้านบาท แต่ต้องโอนกลับไปถึง 70% เหลือเงินจริงๆ ที่วัดได้รับเพียง 6-7 แสนบาทเท่านั้น อยากจะชี้แจงว่า ทางวัดไม่ได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้อง เงินที่ได้มาก็นำไปพัฒนาวัดทั้งหมด ส่วนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ปปป.ที่มาสอบสวนอาตมาที่วัดเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ก็เพื่อหาข้อมูลและหลักฐานในการจะนำไปมัดตัวคนทำผิดที่ทำการทุจริตเงินทอน

ที่ จ.อำนาจเจริญ พระอาจารย์อาทิตย์ อริญ.ชโย รองเจ้าอาวาสวัดศรีเจริญ ต.หัวตะพาน อ.หัวตะพาน  เป็น 1 ใน 3 วัดของจ.อำนาจเจริญ ที่มีรายชื่อโยงการทุจริต”เงินทอน”เปิดเผยว่า วันนี้มีเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาตรวจสอบและสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งมาขอถ่ายเอกสารการโอนเงินคืน หลังมีการอนุมัติงบอุดหนุนมาแล้ว ครั้งแรกที่โอนกลับไม่คิดว่าผิดปกติใดๆ แต่มีการขอให้โอนครั้งต่อมาไม่มั่นใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ พศ.หรือไม่ที่ให้โอน เพราะตรวจสอบไม่ได้ เพราะหมายเลขบัญชีธนาคารเป็นหมายเลขใหม่ การคืนเงินนั้น ไม่ทราบว่าเป็นระเบียบ หากทางการจะเอาผิดก็แย่มากๆ เพราะวัดทำด้วยใจบริสุทธิ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ไปที่วัดโพธิ์ศรี บ้านกุดซวย ต.คำพระ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ พบพระปลัดศักทวี สิริธโร เจ้าอาวาส พร้อมด้วย นายบรรพต บุญทุน ไวยาวัจกรวัดโพธิ์ศรี ร่วมกันเปิดเผยว่า ในปี 2554 ทางวัดได้เขียนโครงการไปที่ พศ. ขอรับเงินอุดหนุนก่อสร้างศาลาการเปรียญและปรับปรุงวัด และได้รับเงินอนุมัติเมื่อปี 2555 จำนวน 3 ล้านบาท แต่ต่อมา เจ้าหน้าที่พศ.แจ้งจะขอเงินคืน 50% อ้างจะนำไปช่วยเหลือวัดเล็กๆ ทางภาคใต้ที่กำลังเดือดร้อน ที่ไม่สามารถเขียนโครงการขอเงินอุดหนุนได้ หากรู้ว่าจะมีปัญหาคงจะไม่รับเงินนี้ตั้งแต่แรก เพราะเงินที่ได้มา 1.5 ล้านบาท ไม่เพียงพอต่อการนำมาบูรณะวัด

ที่ จ.ชุมพร พระอธิการทวี ธัมมะทินโน เจ้าอาวาสวัดเล็บกระรอก หมู่ 9 ต.ด่านสวี อ.สวี จ.ชุมพร ขอชี้แจงเรื่อง”เงินทอน” โดยนำเอกสารของ พศ.  ลงวันที่ 11ธันวาคม 2558 เรื่องจัดสรรเงินอุดหนุนการบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด ในวงเงิน 6.6 ล้านบาท ให้กับ 5 วัด ใน อ.สวี ขณะที่ทางวัดเล็บกระรอกจะได้ 2 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงพระอุโบสถ แต่ตนไม่ยอมเซ็นรับ ต่อมามีพระชั้นปกครองใน อ.สวี บอกให้ไปเปิดบัญชีธนาคารของวัด ก่อนมีเงินโอนเข้ามา 2 ล้านบาท แต่ผ่านไปเพียง 20 วัน ก็มีเจ้าหน้าที่ พศ.แจ้งบอกให้ไปโอนเงินจำนวนดังกล่าวออกจากบัญชีวัด ตนอยู่ในภาวะจำยอมจึงต้องไปโอน เพราะตอนนั้นคิดว่าคงไม่ใช่เงินที่ถูกต้อง และขณะที่โอนเงินก็ถูกกันไม่ให้ทราบว่าเป็นการโอนไปให้ใคร พร้อมทั้งพยายามให้เซ็นเอกสารและมอบเงินให้จำนวน 400,000 บาท แต่ตนไม่ยอมเซ็นและไม่ยอมรับเงิน เนื่องจากการสร้างโบสถ์ของวัดใช้เงินบริจาคของญาติโยมทั้งสิ้น หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ก็เข้ามาถ่ายภาพโบสถ์ดูไม่ชอบมาพากล จึงไม่ร่วมมือด้วย นอกจากนั้น ยังมีอีก 1 วัด ที่ถูกกระทำเช่นเดียวกับวัดเล็บกระรอก แต่เจ้าอาวาสไม่กล้าออกมาเปิดเผย

Advertisement

“อาตมาเห็นว่า เราเป็นถึงเจ้าอาวาส ถ้าไม่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ไม่สมควรเป็นต่อไป ตอนแรกคิดจะลาสิกขา แต่เมื่อเห็นเจ้าคณะจังหวัดชุมพรออกมาเปิดเผยเรื่องเงินทอนและแฉขบวนการโกงเงินงบประมาณ จึงตัดสินใจเปิดเผยเรื่องนี้ให้สาธารณชนทราบ และเจ้าคณะจังหวัดชุมพรได้ขอร้องให้อย่าลาสิกขา โดยขอให้อยู่สู้ด้วยกันเพื่อพระพุทธศาสนา จึงตัดสินว่าจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องต่อไป ถึงแม้ตลอดเวลาที่ผ่านมา จะมี เจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ คนหนึ่งที่เป็นคนดีแนะนำว่าให้ไปขอกำลังตำรวจมาคุ้มครอง หรือติดกล้องวงจรปิดเพราะอาจเป็นอันตรายที่ไม่ร่วมมือ แต่อาตมาไม่กลัว อีกทั้งไม่มีเงินจ่ายเบี้ยเลี้ยงตำรวจหรือซื้อกล้องวงจรปิดด้วย เมื่อมีรายชื่อวัดเล็บกระรอกได้รับเงินทอนด้วย จึงต้องเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว”พระอธิการทวี กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image