ตำรวจพังโคน จ.สกลนคร นำคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ปรับความเข้าใจกันแล้ว หลังขับรถปาดหน้าและชักมีดลงมาจะทำร้ายอีกฝ่าย ทั้งที่ภรรยาอุ้มลูกลงห้าม โดยผลเจรจาทั้งคู่จับมือขอโทษขอโพยกัน แต่ผู้ที่ชักมีดขู่ถูกเปรียบเทียบปรับ
กรณีที่มีการแห่แชร์คลิปวิดีโอ จากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Nirun Nivas ที่ได้โพสต์คลิปวิดีโอจากกล้องหน้ารถ ที่ถนนนิตโย ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร จับภาพขณะรถกระบะสีดำ ขับแซงแล้วเบียดขวาบังคับให้จอด จากนั้นคนขับรถกระบะซึ่งสวมเสื้อสีดำได้ลงมาจากรถ พร้อมถือมีดยาวลงมาชี้หน้าเจ้าของรถ โดยมีผู้หญิงอุ้มเด็กชายลงมาจากฝั่งผู้โดยสาร แล้วพยายามเข้าห้ามปราม ก่อนที่เจ้าของรถคู่กรณีที่มีกล้องหน้ารถจะขับรถถอยห่างออกมา ทั้งนี้ หลังจากที่คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และประณามอย่างรุนแรงจากชาวเน็ตอย่างมากมาย
ความคืบหน้าของเรื่องนี้ วันที่ 19 มิถุนายน ที่ สภ.พังโคน พ.ต.อ.จุลฤทธิ์ จุลกะ ผกก.สภ.พังโคน หลังจากที่ได้ดูคลิปและดูการนำเสนอข่าวจากสื่อมวลชนและโลกโซเชียล เมื่อเช้าวันที่ 19 มิ.ย. ซึ่งมีผู้โพสต์คลิปเหตุการณ์ผู้ขับขี่รถยนต์ปาดหน้าแล้วใช้อาวุธมีดมาข่มขู่คู่กรณี โดยผู้โพสต์ภาพเหตุการณ์ดังกล่าว อ้างว่าเหตุเกิดที่ถนนนิตโย ต.พังโคนนั้น ได้ให้พนักงานสอบสวน สภ.พังโคนตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ดังกล่าว และให้แผนกไอทีบันทึกภาพไว้ ต่อมาจึงทราบว่าผู้โพสต์ภาพดังกล่าวคือ นายนิรันดร์ นิวาส อายุ 45 ปี ที่อยู่ 52/3 หมู่ 2 ต.พังโคน อ.พังโคน จ.สกลนคร
ส่วนคู่กรณีซึ่งถือมีดออกมาข่มขู่ คือ นายราชช์สาส์น อินสิงห์ อายุ 42 ปี ชาว จ.สกลนคร จึงเรียกให้คู่กรณีเข้าพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง จากการสอบสวน นายราชช์สาส์นรับว่าเป็นชายซึ่งถือมีดออกมาข่มขู่คู่กรณีตามคลิปจริง สาเหตุเกิดจากโกรธเคืองที่นายนิรันดร์ขับรถจะเปลี่ยนช่องทางจราจร จากช่องทางซ้ายเข้าช่องทางขวา แต่คู่กรณีได้ขับรถผ่านมาไม่ได้ชะลอให้ทาง เนื่องจากมีรถตามมาด้านหลังด้วยความเร็ว พนักงานสอบสวนจึงได้ไกล่เกลี่ยคู่กรณีทั้งคู่ให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ และแจ้งข้อกล่าวหานายราชช์สาส์น ขับรถประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน พกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ
นายราชช์สาส์นให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงได้เปรียบเทียบปรับ ตามคดีเปรียบเทียบที่ 946/2560 และ 3907/2560 ตามลำดับ โดยความยินยอมของนายนิรันดร์ และคู่กรณีได้ตกลงปรับความเข้าใจกันแล้ว ไม่ติดใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกต่อไป
