‘สรท.ถกแบงก์ชาติ’เห็นควรร่วมมือใกล้ชิดช่วยผู้ส่งออกรับมือบาทแข็งค่า-เผยบาทแข็งกระทบส่งออกQ3

น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า เมื่อวันื้ 20 มิถุนายน คณะกรรมการ สรท.ได้เข้าพบนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ขอทราบสาเหตุการแข็งค่าของเงินบาท และทิศทางค่าเงินต่อจากนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคการส่งออกเข้าใจและสามารถใช้เป็นแนวทางในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างเหมาะสม และเสนอให้ ธปท. พิจารณาแนวทางสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยสามารถเข้าถึงบริการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้มากขึ้นและมีต้นทุนที่ไม่สูงเกินไป เช่น ลดค่าธรรมเนียม การเพิ่มวงเงินสำหรับการใช้บริการป้องกันความเสี่ยง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งออกมีการใช้บริการป้องกันความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องมากขึ้น

น.ส.กัณญภัคกล่าวว่า ธปท.ได้ชี้แจงแนวทางการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนและแนวทางการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องในอนาคต เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเกิดจากความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเอง และมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้หลายประการ โดยเฉพาะการเมืองระหว่างประเทศและการเข้ามาลงทุนในตลาดทุนและตลาดการเงินระยะสั้น ทำให้เกิดการแข็งค่าอย่างรวดเร็วและรุนแรง

“หลังจากหารือกัน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างทั้งสององค์กร ทั้งการจัดประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล และวิเคราะห์สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศร่วมกัน เพื่อหาข้อสรุปและทิศทางของอัตราแลกเปลี่ยน สำหรับแจ้งให้กับผู้ส่งออกได้รับทราบสถานการณ์ที่แท้จริงและรับมือได้ทัน รวมถึงการร่วมมือกันส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการส่งออก การผลักดันการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง การผลักดันให้มีการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการซื้อขายสินค้ากับประเทศคู่ค้าที่มีความตกลงกันในเรื่องดังกล่าวให้มากขึ้น โดยเฉพาะการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน สรท.ยังได้หารือถึงประเด็นด้านการเงินอื่นที่เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ เช่น ความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยนโยบายและดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญของผู้ประกอบการ โดยมีความเห็นร่วมกันว่าในส่วนของธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจให้ดีขึ้นเพื่อลดต้นทุน และหันมาให้ความสำคัญกับฟินเทคให้มากขึ้น เพื่อให้มีความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ และทำให้ต้นทุนในการทำธุรกรรมแต่ละครั้งลดต่ำลง” น.ส.กัณญภัคกล่าว

น.ส.กัณญภัคกล่าวว่า สรท.ได้ยืนยันกับ ธปท.ว่าสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่าในปัจจุบันส่งผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกของไทยตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป โดยเฉพาะการกำหนดราคาขายสินค้ากับคู่ค้าที่เศรษฐกิจประสบภาวะเงินเฟ้อและค่าเงินอ่อนค่า เพราะจะทำให้สินค้าไทยแพงขึ้นอย่างมากในสายตาของผู้บริโภค เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งสำคัญทางการค้า เช่น จีน เวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ซึ่งค่าเงินแข็งค่าน้อยกว่าค่าเงินบาทของไทย อย่างมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ที่ค่าเงินอ่อนค่า เป็นต้น

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image